Support
3minutesfood
088-222-5442 (DTAC), 088-203-2666 (AIS), 088-249-4500 (TRUE) (Back Up : 080-061-7044)
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest

Post : 2013-12-19 15:46:21.0     Forum: บทความถูกใจ  >  อาหารกล่องสำหรับคนยุคใหม่

 

ไม่ว่าเราจะมองไปทางไหน ร้านขายอาหารสำเร็จรูปมีมากมาย ด้วยความเร่งรีบในปัจจุบันคนเราเลยหันมาทานอะไรที่สะดวกรวดเร็วอาหารกล่องจึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว อัตราการเติบโตของอาหารสำเร็จรูปแบบแช่แข็งขยายตัวอย่างมาก แค่เวฟก็ทานได้แล้วโดยคุณค่าทางอาหารและความอร่อยยังอยู่ครบถ้วน หาซื้อง่าย ร้านสะดวกซื้อหรือซุปเปอร์มาเก็ตก็มีขาย บรรจุภัณฑ์ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน รวมถึงรสชาติที่พัฒนาให้มีความอร่อย และได้มาตรฐานความสะอาด ปลอดภัย

อาหารกล่องในปัจจุบันถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาในการทำอาหารทานเอง สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงคือเรื่องมาตรฐานในการผลิต รสชาติและความสะอาด ฉลากต้องมีระบุวันเดือนปีที่ผลิตวันหมดอายุด้วย

 

 

guest
วาทิต
- Guest -

Post : 2013-05-15 16:10:37.0     Forum: สอบถาม  >  ผลิตน้ำดื่ม

ไม่เข้าใจที่ลงในweb ตรงขวดใส 600 ml ภายใต้แบรนด์และโลโก้ของคุณเอง

แปลว่าผมส่งรายละเอียดชื่อให้แล้วคุณออกแบบให้พร้อมส่งน้ำให้ผมในราคาแพคละ45บาท ใช่หรือไม่

 

guest

Post : 2013-02-19 18:14:08.0     Forum: บทความถูกใจ  >  เคล็ดลับง่ายๆในการเลือกทานอาหารให้มีสุขภาพดีและได้ประโยชน์สูงสุด

 

เคล็ดลับง่ายๆในการเลือกทานอาหารให้มีสุขภาพดีและได้ประโยชน์สูงสุด

- การรับประทานอาหารในตอนเช้า จะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดการเกิดโรคหัวใจ ช่วยให้การเผาผลาญอาหารได้ดีขึ้น
- ทานข้าวกล้องและธัญพืชช่วยลดอัตราเสี่ยงเกิดโรคหัวใจและคลอเลสเตอรอลได้
- ทานผักผลไม้เป็นประจำ ควรทานให้หลากหลายสีเพราะมีคุณค่าทางอาหารแตกต่างกัน
- ทานปลาเป็นประจำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพราะในเนื้อปลามีโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงสมองและการเต้นของหัวใจ
- ทานถั่วเป็นประจำ เพราะในถั่วมีโปรตีนและวิตามิน แร่ธาตุที่มีประโยชน์กับร่างกาย แต่ไม่ควรทานมากจนเกินไปเพราะมีแคลอรี่สูง
- ควรใช้น้ำมันมะกอกในการปรุงอาหาร เพราะเป็นกรดไขมันอิ่มตัวสามารถลดคลอเรสเตอรอลในเส้นเลือดได้
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย เพื่อช่วยลดระดับความเข้มข้นในเส้นเลือด
- ทานนมเป็นประจำเพื่อเสริมสร้างแคลเซียมให้กระดูก หรือจะทานถั่วเหลืองก็ได้ ช่วยบำรุงระบบประสาทให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- งดทานขนมขบเคี้ยว ให้หันมาทานผลไม้แทนจะดีกว่าเพราะมีวิตามินที่มีประโยชน์กับร่างกาย

 

 

guest

Post : 2013-02-19 17:28:51.0     Forum: บทความถูกใจ  >  เทคนิคการเลือกอาหารบรรจุกล่องแบบไร้สารพิษ

 

อาหารที่เป็นพิษส่วนใหญ่มักเกิดมาจากการปนเปื้อนของสารพิษและสารเคมีในอาหาร รวมถึงสารเคมีจากบรรจุภัณฑ์ที่เราเลือกใช้ด้วย วันนี้เรามีข้อคิดดีๆในการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยมาฝากกัน

- ควรดูข้อความที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นวันผลิตและวันหมดอายุ
- อย่าซื้ออาหารทีไม่ได้อยู่ในสภาพที่ระบุเอาไว้ข้างกล่อง อย่างถ้าบอกว่าอาหารแช่แข็งแต่ปรากฏว่าอาหารไม่ได้อยู่ในสภาพนั้นๆก็ไม่ควรซื้อมาทานเพราะอาหารอาจเสียได้
- ตรวจดูสินค้าด้วยว่าหีบห่ออยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือเปล่ามีฉีกขาดหรือไม่เพราะถ้าหีบห่ออยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์สินค้าอาจเสียได้
- ต้องดูด้วยว่าอาหารดิบกับอาหารที่ปรุงสุกต้องแยกออกจากกันหรือไม่
- นำอาหารแช่แข็งที่ซื้อมากลับบ้านให้เร็วที่สุดและควรเก็บเข้าช่องแช่แข็งตามเดิม

 

guest
มด
- Guest -

Post : 2013-01-29 10:28:04.0     Forum: สอบถาม  >  สอบถามข้อมูล

อยากสอบถามเรื่องอาหารค่ะ

1. มีขั้นต่ำในการส่งรึป่าวค่ะ

2. อาหารที่มาส่งทางลูกค้าต้องไปเวฟเองใช่มั้ยค่ะ

3. ถ้าสั่งแล้วให้มาส่งพร้อมรับประทานเลยทางร้านทำใหม่ ๆ มาส่งใช่รึป่าวค่ะ

 สมมติ โทรสั่งล่วงหน้า 1 วัน วันรุ่งขึ้นให้มาส่งประมาณช่วง 11.00 น. พร้อมใบเสร็จรับเงิน ได้มั้ยค่ะ

 

 

หมายเหตุ : เคยสั่งแบบกล่องเค้าจะมาส่งให้ร้านค้าในตึกออฟฟิศแต่เช้าประมาณ 7.00 โมง แต่ทางเรารับประทานตอนเที่ยง  บางครั้ง อาหารมันเหมือนจะบูดค่ะ

 

guest

Post : 2013-01-17 15:22:28.0     Forum: เคล็ดลับงานครัว  >  บอกเล่าเรื่องงานครัว

งานครัวเป็นงานที่ต้องรักษาความสะอาดอยู่เสมอ เพราะต้องใช้ทำอาหารในครอบครัวหรืองานสังสรรค์ต่าง ๆ ซึ่งต้องมีเรื่องการทำอาหารมาเกี่ยวข้อง เมื่องานเสร็จคราบสกปรกต่าง ๆ ที่เกิดจากการทำอาหารซึ่งบางคราบสกปรกมากและยากเหลือเกิน วันนี้มีเคล็ดลับดี ๆ มาฝากให้ง่ายขึ้น

 กำจัดคราบน้ำมันบนผนัง

การกำจัดคราบน้ำมันบนผนังคือ น้ำส้มสายชูผสมน้ำร้อนและน้ำยาทำความสะอาดเล็กน้อย ใช้ผ้าชุบน้ำยาบิดพอหมาด ๆ เช็ดบริวณที่เลอะคราบน้ำมันให้ทั่ว แล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วเช็ดอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดตามอีกครั้งก็ เราก็จะได้ผนังบ้านสะอาดดังเดิม

 กำจัดคราบเขม่าบนผนังห้องครัว

ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำธรรดาเพื่อกำจัดฝุ่นก่อน หลังจากนั้นผสมน้ำยาซักผ้าขาวประมาณ 2 ถ้วย น้ำร้อน 1 ถัง และน้ำสบู่ประมาณ 6 ถ้วย ผสมให้เข้ากันแล้วใช้ผ้าชุบน้ำยาที่ผสมแล้วเช็ดผนังคราบเขม่าที่เลอะ คราบสกปรกก็จะหมดไป

 กำจัดคราบน้ำมันบนเตาแก๊ส

ใช้น้ำข้นข้าวข้นๆ เช็ดบนเตาแก๊ส แล้วรอให้น้ำข้าวแห้งจับตัวเป็นแผ่นแล้วลอกออก คราบน้ำมันก็จะติดมากับแผ่นน้ำข้าวแห้ง หรือให้น้ำข้าวหรือน้ำต้มบะหมี่แบบเจือจางล้างเตาแก๊สก็สามารถกำจัดคราบน้ำมันบนเตาแก๊สได้

 กำจัดคราบสกปรกบนเขียง

หลังจากทำอาหารเสร็จแล้ว กำจัดคราบที่ติดบนเขียงให้ใช้มีดขุดทำความสะอาดเศษอาหารก่อน ล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นใช้น้ำอุ่นค่อย ๆราดเขียง ผึ่งลมให้แห้งหรือตากแดดไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง เขียงก็สะอาดน่าใช้เหมือนเดิม หรืออีกวิธีที่กำจัดคราบสกปรกบนเขียงคือ หลังจากกำจัดเศษอาหารที่ติดบนเขียงแล้ว ให้โรยเกลือทั่วเขียง ทิ้งไว้ทั้งคืน แล้วนำมาล้างน้ำให้สะอาด ก็สามารถใช้เขียงที่สะอาดและปลอดภัยจากเชื้อโรคได้

 กำจัดคราบน้ำมันในห้องครัว

บริเวณที่เลอะน้ำมันมากให้ฉีดน้ำยาทำความสะอาดห้อง แล้วให้ใช้กระดาษทิชชูปูทับเพื่อไม่ให้น้ำยาทำความสะอาดแห้ง ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที คราบน้ำมันส่วนใหญ่จะติดมากับกระดาษทิชชู แล้วเช็ดซ้ำอีกครั้งด้วยทิชชู ก็จะทำให้บริเวณนั้นสะอาด

 กำจัดคราบสนิมบนมีด

1.นำมีดที่เป็นสนิมแช่ในน้ำซาวข้าวประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วใช้ผ้าขัด เท่านี้ก็เหมือนได้มีดใหม่

2.หั่นหอมหัวใหญ่บาง ๆ นำมาถูบนมีดเป็นสนิมแรง ๆ สนิมก็จะมดไป

3.ใส่น้ำในภาชนะใบค่อนข้างพอประมาณให้เต็ม ใส่เกลือเล็กน้อยคนให้เข้ากัน นำมีดมีสนิมไปแช่ 30 นาที จากนั้นนำมาลับกับหินลับมีด ก็สามารถกำจัดสนิมได้แล้วยังทำให้มีดคมขึ้นอีกด้วย

 กำจัดคราบไมโครเวฟ

วิธีทำความสะอาดคือนำภาชนะที่ใช้กับไมโครเวฟได้ใส่น้ำให้เต็มเอาเข้าเครื่อง ปล่อยเครื่องทำงานจนน้ำในภาชนะเดือด ไอน้ำจะทำให้คราบต่าง ๆ อ่อนตัว หลังจากนั้นใช้กระดาษทิชชูชุบน้ำหมาดเช็ดคราบสกปรกไมโครเวฟ แล้วใช้ผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดเช็ดอีกครั้ง

 กำจัดกลิ่นให้ห้องคร้ว

นำหม้อตั้งไฟ หยดน้ำส้มสายชูลงไป ความร้อนจากเตาไปจะทำให้น้ำส้มสายชูระเหย กลิ่นของส้มสายชูจะช่วยขจัดกลิ่นเหม็นต่าง ๆ ในห้องครัวได้ หรือนำเปลือกส้ม เปลือกกล้วยมาเผาบนเตาแก๊ส ก็จะช่วยขจัดกลิ่นเหม็นต่าง ๆ ในห้องครัวได้เหมือนกัน

 กำจัดกลิ่นคาวในห้องครัว

เมื่อเศษอาหารสดถูกทิ้งไว้นาน ๆ มักเกิดกลิ่นเหม็นคาว แม้จะนำถุงขยะไปทิ้งแล้ว กลิ่นดังกล่าวก็ยังคงอยู่ ผสมแอลกกฮอล์กับน้ำอย่างเจือจางใส่กระบอกฉีด ฉีดบนขยะที่ทำให้เกิดกลิ่น หรือฉีดตามมุมต่าง ๆ ในห้องครัว จะช่วยกำจัดกลิ่นคาวได้

 กำจัดฝาหม้อไร้คราบน้ำมัน

ใส่น้ำในหม้อปิดฝาตั้งไฟต้มให้เดือดประมาณ 15 นาที คราบน้ำมันที่ติดอยู่บนฝาหม้อจะอ่อนตัว ใช้ผ้านุ่ม ๆ เช็ดฝาหม้อจะสะอาดเหมือนของใหม่เลย

 กำจัดกลิ่นอับชื้นในตู้เก็บถ้วย ชาม

ให้นำสบู่หอมไปใส่ในตู้เก็บถ้วย ชาม หรือนำกากใบชาตากแห้งใส่ถุงโปร่งวางไว้ตามมุมตู้ จะช่วยกำจัดกลิ่นอับชื้นได้

 กำจัดกลิ่นติดกระทะ

ให้นำใบชาใส่ในกระทะ เติมน้ำต้มให้เดือด นำไปล้าง จะกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ หรือจะเทน้ำส้มสายชูในกระทะตั้งไฟให้ร้อน นำไปล้างก็ช่วยกำจัดกลิ่นติดกระทะได้เหมือนกัน

 

guest

Post : 2013-01-15 13:51:40.0     Forum: บทความถูกใจ  >  กินอย่างไรไม่ให้อ้วน

 

กินอย่างไรให้ไม่อ้วน
.... สาวๆ ที่มีร่างกายไม่สมส่วน หรือที่เรียกว่า "อ้วน" มักเข้าใจผิดว่า คนผอมๆ หุ่นดีๆเค้าโชคดีมาตั้งแต่เกิด คือกินอะไรก็ไม่มีอ้วน จริงๆ แล้ว อยากให้สาวอ้วนง่ายทั้งหลายทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า คนที่อยากจะทานอะไรก็ทาน ทานเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนนั้นมีน้อยมาก และคนประเภทนี้ถึงแม้จะโชคดีในเรื่องหุ่น แต่หากปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไป โชคร้ายก็อาจตามมาทีหลังได้ เพราะการรับประทานอาหารไม่เลือก จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารผิดๆ ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้นมาทีหลัง ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่ดูเหมือนจะโชคดี แต่ความเป็นจริงไม่ใช่ว่าเธอทานอะไรก็ไม่อ้วน แต่สิ่งที่ทานเข้าไปนั้น เธออาจเลือกอยู่ในใจแล้วก็ได้ว่าสิ่งไหนควรทาน และสิ่งไหนไม่ควรทาน

.... การรับประทานอาหารแบบที่เรียกว่า "เลือกรับประทาน เพื่อรักษาหุ่น หรือลดน้ำหนัก" เป็นเรื่องง่ายที่จะจำ แต่อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำ ดังนั้นเราจึงมีเคล็ดลับการรับประทานอาหารอย่างไร ไม่ให้อ้วนมาฝากกันค่ะ

+ ควรรับประทานอาหารเป็นมื้อๆ คือ มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็น ก่อน 6 โมงเย็น นอกเหนือจาก 3 มื้อที่ว่านี้แล้ว ไม่ควรรับประทานสิ่งอื่นใดอีก แต่หากทนไม่ไหว ลองหาชาเขียวร้อนๆ ดื่มแก้ง่วงจะดีกว่า

+ ไม่ควรรับประทานอะไร ขณะที่กำลังทำกิจกรรมอื่นๆ อยู่ เช่น อ่านหนังสือ ทำงาน เล่นอินเทอร์เน็ต ดูทีวี หรือขณะนั่งรถ การทำเช่นนี้บ่อย จะทำให้คุณได้รับปริมาณแคลอรีมากเกินกว่าร่างกายต้องการ ยิ่งทำบ่อยแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้คุณอ้วนเร็วขึ้น และที่แย่ไปกว่านั้นคือ อ้วนแบบไม่รู้ตัวด้วย

+ หัดเป็นตัวของตัวเอง โดยเลือกรับประทานอาหารที่คุณเห็นว่ามีแคลอรีต่ำ อย่าปล่อยให้เพื่อนๆ หรือคนรักท้าทายคุณด้วย อาหารที่มีไขมันสูง เช่น ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู เป็นอันขาด

+ เวลาทานอาหาร ควรรับประทานช้าๆ เคี้ยวให้ได้อย่างน้อย 10 ครั้งต่อคำ

+ หากหิวมากๆ ควรอดใจสั่งอาหารเพียง 1 อย่าง ก่อนที่จะสั่งอย่างที่ 2 มาพร้อมกัน ไม่ว่าคุณจะหิวแค่ไหน อาหารจานเดียวก็สามารถทำให้คุณอิ่มได้เช่นกัน


+ มองดูอาหารในจานว่าเป็นอาหารประเภทใด มีเนื้อสัตว์ และผักขนาดไหน จากนั้นควรเลือกทานผักให้หมดจานก่อนเริ่มรับประทานเนื้อสัตว์ ถ้าเป็นไปได้ ควรเขี่ยเนื้อสัตว์ออกนอกจานไปเลย

+ หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง หรือแกงกะทิ และน้ำอัดลมอย่างทุกชนิด หากทำได้ จะช่วยให้คุณรักษาน้ำหนักเดิมให้คงที่ และสามารถช่วยลดน้ำหนักในอีกต่อไปได้ด้วย

+ หากคุณชอบดื่มชา กาแฟ หรือโอวันติน ลองถามตัวเองว่าเป็นไปได้ไหมที่จะดื่มเพียงวันละ 1 ถ้วย หรือดื่มแบบไม่ใส่น้ำตาลเลย ทำได้หรือเปล่า

+ หากคุณต้องการดื่มนม ไม่ว่าจะเป็นนมพร่องมันเนย หรือนมเปรี้ยว คุณควรดื่มก่อนเข้านอนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง

+ เบเกอรี่ เป็นสิ่งที่สาวๆ ชอบ แต่ถ้าอยากผอม ก็ไม่ควรทานเลย หรือทานได้สัปดาห์ละครั้ง ครั้งละชิ้นสองชิ้นก็พอ

+ หลีกเลี่ยงการทานลูกอม บ่อยๆ เพราะลูกอมชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะทานเล่นหรือเพื่อระงับกลิ่นปาก ล้วนมีน้ำตาลเป็นส่วนผสมทั้งนั้น

+ ถ้าอยากเป็นสาวหุ่นดี ต้องรับประทานอาหาร 1 จานต่อ 1 มื้อเท่านั้น

+ ฝึกรับประทานผลไม้มากๆ ส่วนผลไม้ต้องห้ามคือผลไม้ที่มีรสหวาน มีแคลอรี และปริมาณน้ำตาลสูง เช่น ทุเรียน เงาะ ละมุด ลำไย ขนุน

+ ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6 - 8 แก้ว

.... ยังมีอีกหลายวิธีที่สาวหุ่นดีใช้ในการเลือกรับประทานอาหาร แต่ที่นำมาคร่าวๆ นี้ ก็สาหัสสากัญอยู่สำหรับคนที่เคยรับประทานอาหารแบบปกติมาก่อน อย่าลืมว่า หากคุณสามารถทำได้ตามที่แนะนำข้างต้น เชื่อว่า อีกไม่นาน หุ่นของคุณจะสวยงามขึ้น และนิสัยการรับประทานก็จะเปลี่ยนไป และถ้าคุณต้องการลดน้ำหนักให้เร็วขึ้น การออกกำลังกายควบคู่กันไปก็ช่วยให้

อ้างอิง : ข้อมูลจากหนังสือกินเพื่อสุขภาพที่ดี

 

 

guest

Post : 2013-01-12 10:03:54.0     Forum: บทความถูกใจ  >  อาหารต้องห้ามยามป่วย

 

.... ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวฝนตกเดี๋ยวแดดออกเดี๋ยวอากาศเย็น บางวันก็ร้อนอบอ้าวเหลือเกิน หลายต่อหลายคนจึงมีอาการคั่นเนื้อคั่นตัวไม่สบายเอาง่ายๆ มีคนเคยบอกว่าสุขภาพที่ดีมาจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป อืมม...อันนี้เห็นจะจริงแฮะ เพราะอาหารบางชนิดนอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้อีกต่างหาก แต่มีใครทราบบ้างไหมค่ะว่า ในช่วงเวลาที่เราไม่สบาย อาหารบางอย่างก็ไม่สมควรที่จะรับประทานเข้าไป เพราะอาจทำให้โรคกำเริบได้ แต่จะเป็นโรคอะไรนั้น ... และอาหารต้องห้ามคืออะไร ...ต้องไปดูด้วยกันค่ะ !! 

 

1. โรคไข้หวัด

....หาก มีไข้สูง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่สุก หรืออาหารที่เย็นมากๆ อาหารทอด อาหารมัน ซึ่งเป็นอาหารที่ย่อยยาก จะทำให้เกิดความร้อนสะสม เปรียบเสมือนอาหารเชื้อเพลิง ซึ่งจะเป็นการเติมน้ำมันเข้าไปในกองไฟ ส่งผลอุณหภูมิในร่างกายร้อนฉ่า

 

2. โรคกระเพาะ

....ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ และชาแก่ๆ กาแฟ ของเผ็ด ของทอด ของมันทุกชนิด เพราะอาหารเหล่านี้ ทำให้เกิดความร้อนสะสม ทำให้โรคหายยาก ทางที่ดีควรจะรับประทานอาหารปริมาณน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง รับประทานอาหารให้ตรงเวลา และควรเป็นอาหารที่ควรย่อยง่ายด้วยจ้า 

 

3. โรคความดันโลหิตสูง

....สำหรับผู้สูงอายุที่มักมีปัญหาเลือดแข็งตัว ขาดความยืดหยุ่น ควรหลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เช่น หมูสามชั้น ไขกระดูก ไข่ปลา โกโก้ รวมทั้งเหล้า เพราะอาหารเหล่านี้ทำให้เกิดความร้อนชื้นสะสมในร่างกาย และความชื้นก็มีผลก็ทำให้เกิดความหนืดของการไหลเวียนทุกระบบในร่างกาย ส่วนความร้อนจะไปกระตุ้นให้ความดันสูง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด หรืออาหารหวานมาก รวมทั้งผลไม้อย่างลำไย ขนุน ทุเรียน อีกด้วยนะค่ะ

 

4. โรคตับและถุงน้ำดี

....ผู้ที่ประสบกับโรคนี้ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อาหารมัน เนื้อติดมัน เครื่องในสัตว์ อาหารทอด อาหารหวานจัด เพราะแพทย์จีนถือว่า ตับและถุงน้ำดี มีความสัมพันธ์กับระบบย่อยอาหาร การได้อาหารประเภทดังกล่าวมากเกินไป จะทำให้สมรรถภาพของการย่อยอาหารอ่อนแอลงและเกิดโทษต่อตับและถุงน้ำดีอีกต่อหนึ่ง 

 

5. โรคหัวใจและโรคไต 

....ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด เพราะจะทำให้มีการเก็บกักน้ำ การไหลเวียนเลือดจะช้า ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ไตต้องทำงานขับเกลือแร่มากขึ้น ส่วนอาหารรสเผ็ดก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะทำให้กระตุ้นการไหลเวียนสูญเสียพลังงาน และหัวใจก็ทำงานหนักขึ้นเช่นกันค่ะ 

 

6. โรคเบาหวาน 

....ก็ต้องหลีกเลี่ยงอาหารรสหวานค่ะ และอาหารที่มีแป้งและแคลอรี่สูง จำพวกมันฝรั่ง มันเทศ ควรหันมารับประทานอาหารจำพวกถั่ว เช่นเต้าหู้ นมวัว เนื้อสันไม่ติดมัน ปลา ผักสดทดแทนค่ะ 

 

7. นอนไม่หลับ 

....โรคฮิตติดลมบนชนิดนี้ ควรหลีกเลี่ยงชา กาแฟ รวมทั้งการสูบบุหรี่ เพราะอาหารเหล่านี้ มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ไม่หลับไม่นอนเจ้าค่ะ

 

8. โรคริดสีดวงทวาร หรือท้องผูก

....ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทหอม กระเทียม ขิงสด พริกไทย พริก เพราะอาหารเหล่านี้อาจจะทำให้ท้องผูก หลอดเลือดแตก และอาการริดสีดวงทวารกำเริบได้ค่ะ (ต้องรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ) 

 

9. ลมพิษ ผิวหนังอักเสบ หรือโรคหอบหืด 

....ถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงเนื้อแพะ เนื้อปลา กุ้ง หอย ปู ไข่ นม และอาหารรสเผ็ด เพราะอาจไปกระตุ้นและทำให้อาการผิวหนังกำเริบได้ค่ะ

 

10. สิว หรือต่อมไขมันอักเสบ 

....โรคสุดท้ายนี้ นอกจากจะทำให้เราไม่สวยแล้วยังเป็นปัญหากวนใจวัยใสอีกด้วยค่ะ ดังนั้นจึงควรงดอาหารเผ็ดและมัน เพราะอาจทำให้เกิดการสะสมความร้อนชื้นของกระเพาะอาหาร ม้าม มีผลต่อความร้อนชื้นไปอุดตันพลังของปอด ที่ควบคุมผิวหนัง ขน ตามร่างกาย จนทำให้เกิดสิวได้ค่ะ

 

....แหม...เมื่อทราบอย่างนี้ก็ต้องเลือกรับประทานให้ดี ให้ถูกกับโรคด้วยนะค่ะ อย่าเผลอมัวแต่รับประทานอาหารตามใจปาก เพราะอาจเกิดโรคที่ 11 ตามมาได้ โรคที่ว่านั้นก็คือ...โรคอ้วนยังไงค่ะทราบแล้วรีบเปลี่ยนนิสัยการรับประทานโดยด่วนนะคะ

 

อ้างอิง : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ปีที่ 55 ฉบับที่ 18844 วันจันทร์ ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 หน้า 30

 

guest

Post : 2013-01-11 13:18:33.0     Forum: บทความถูกใจ  >  กินอาหารเช้าช่วยความจำดีขึ้น

 อาหารเช้า....ไม่ได้กินก่อนออกจากบ้านเพราะกลัวไปทำงานสาย แต่เมื่อถึงที่ทำงานก็ไม่ได้กินเหมือนกัน เพราะต้องรีบทำงาน ฟังดูแล้วเป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้ คนบางคนอาจปฏิบัติจนเกิดความเคยชินอยู่ได้โดยไม่ต้องกินอาหารเช้า

 
 
          ระหว่างที่นอนหลับร่างกายก็ยังใช้พลังงาน และสารอาหารต่างๆ เพื่อให้กระบวนการต่างๆ ในร่างกายทำงาน เช่น ระบบหายใจ และอื่นๆ ดังนั้นเมื่อตื่นขึ้นมาระดับสารอาหารหลายชนิดจะลดลง จึงจำเป็นต้องนำมาเติมให้อยู่ในระดับปกติ คือ การกินอาหารเช้า
 
          คนจำนวนไม่น้อยจะกินข้าวเช้าก่อนออกจากบ้านไปทำงาน หรือ พ่อแม่บางคนก็จะให้ลูกกินข้าวเช้าก่อนไปโรงเรียน การไม่กินอาหารเช้า จะทำให้ร่างกายขาดพลังงานและจะมีผลต่อการเรียนรู้และความจำ สารอาหารหลักที่ให้พลังงานคือกลูโคส ซึ่งจะสลายให้พลังงานแก่ร่างกาย ดังนั้นการกินอาหารเช้า จึงทำให้สมองทำงานได้ดี
 
          โดยเฉพาะในเด็กนักเรียน การได้กินอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียน หรือกินอาหารเช้าที่โรงเรียนก็จะช่วยให้นักเรียนมีสมาธิในการเรียน แม้ในผู้ใหญ่ก็เช่นกัน การได้กินอาหารเช้าจะช่วยให้ความจำดีขึ้น จากการศึกษาเปรียบเทียบผู้สูงอายุที่กินอาหารเช้าประเภทธัญพืช กับผู้สูงอายุที่ไม่กินอาหารและดื่มแต่น้ำเท่านั้น พบว่า ผู้ที่กินอาหารเช้าจะมีความจำดีกว่า
 
          การทำงานของสมองต้องใช้พลังงานตลอดเวลา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องลำเลียงอาหารส่งสมองเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน สารอาหารที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ คาร์โบไฮเดรต ซึ่งเมื่อสลายจะให้กลูโคส ซึ่งจะสลายต่อไปแล้วให้พลังงาน ดังนั้นการกินอาหารเช้าจึงมีข้อดีช่วยให้สดชื่น มีแรงทำงานต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ จนกว่าจะถึงมื้ออาหารต่อไป
 
          สำหรับคนที่ไม่กินอาหารเช้า ควรปรับพฤติกรรมใหม่หันมากินอาหารเช้า เพื่อให้การทำงานในแต่ละวันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้การรับรู้และความจำดีขึ้น
 
 
 
 
 
อ้างอิงจาก: http://www.thaihealth.or.th ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

guest

Post : 2013-01-09 11:34:16.0     Forum: บทความถูกใจ  >  ประโยชน์ของการดื่มน้ำ

 ดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ  

  

         ร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 75% ของน้ำหนักตัว เราอาจจะอดอาหารได้เป็นเดือน ๆ แต่ร่างกายไม่สามารถขาดน้ำได้เกินกว่า 3 -7 วัน การดื่มน้ำอย่างถูกต้อง จะช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดี หัวใจทำงานปกติ และมีประสิทธิภาพแข็งแรงขึ้น ขณะเดียวกันการขับถ่ายของเสียก็ทำงานได้ดี ที่สำคัญยังช่วยให้ใบหน้าชุ่มชื่น มีเลือดฝาด และไม่ปวดหลังหรือบั้นเอว เพราะสุขภาพไตแข็งแรง

การดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว จะช่วยทำให้ปริมาณไขมันในร่างกายลดลง อาจเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่น้ำจะเป็นสิ่งสำคัญที่มีส่วนช่วยในการดูแลรูปลักษณ์ แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะต้องดื่มน้ำเพราะความจำเป็น แต่ในความเป็นจริงน้ำเป็น "อาหารอันวิเศษ " ที่ช่วยในการดูแลรูปลักษณ์อย่างถาวร

 

 

  

ต้องดื่มน้ำเพื่อให้ไตทำงาน

 

         ไตไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอ เมื่อไตไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ตับก็จะเป็นตัวที่ต้องทำงานหนักขึ้น หน้าที่หลักของตับก็คือ ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกายให้เกิดเป็นพลังงาน แต่ตับต้องมาทำหน้าที่ของไต ทำให้มันไม่สามารถทำหน้าที่หลักได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เกิดการเผาผลาญไขมันได้น้อยลง และยิ่งเพิ่มการสะสมไขมันในร่างกายมากขึ้น และทำให้การดูแลรูปลักษณ์หยุดชะงักลง 

  

กักน้ำด้วยน้ำ 

  

         การดื่มน้ำอย่างเพียงพอเป็นการรักษาของเหลวไว้ได้ดีที่สุด เมื่อร่างกายได้รับน้ำน้อยมันจะรับรู้ว่าจะต้องรักษา

ความอยู่รอดไว้โดยจะต้องรักษาน้ำไว้ทุกหยด ร่างกายจะกักเก็บน้ำไว้ในที่ว่างพิเศษในโพรงเล็กๆ (ภายนอกเซลล์) ซึ่งจะเห็น

ได้จากอาการบวมที่เท้า มือ และขา การขับปัสสาวะจะช่วยให้ดีขึ้นชั่วคราว และจะบังคับให้ร่างกายเกิดความรู้สึกว่าจะต้องมีน้ำเข้ามากักเก็บไว้พร้อมกับความต้องการสารอาหารที่สำคัญบางชนิด เมื่อร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ อาการที่เกิดขึ้นก็จะหายเป็นปกติ วิธีที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาการขาดน้ำในร่างกายก็คือ เราจะต้องดื่มน้ำในปริมาณมากเพื่อที่ร่างกายจะมีน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลน 

หากคุณมีปัญหาร่างกายขาดน้ำ อาจมาจากสาเหตุที่ร่างกายได้รับปริมาณเกลือมากเกินไป ร่างกายของเราจะสามารถรับปริมาณโซเดียมได้จำนวนหนึ่งเท่านั้น แต่การกำจัดปริมาณเกลือที่ทานเข้าไปเกินความต้องการนั้นสามารถทำได้ง่าย เพียงแต่ดื่มน้ำให้มากขึ้น เพราะน้ำจะช่วยให้ไตขับโซเดียมออกมา คนที่มีน้ำหนักมากร่างกายต้องการน้ำมากกว่าคนผอม คนตัวใหญ่จะมีการเผาผลาญที่มากกว่า น้ำจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีน้ำหนักมาก เพราะน้ำเป็นตัวสำคัญที่ช่วยในการเผาผลาญไขมัน น้ำยังช่วยทำให้กล้ามเนื้อของเรามีความชุ่มชื้น และยังทำให้ผิวหนังไม่เหี่ยวย่นหลังจากการดูแลรูปลักษณ์ เซลล์ขนาดเล็กสามารถลอยตัวอยู่ได้ด้วยน้ำ 

ทำให้ผิวหนังดูเปล่งปลั่งและสดใส ชุ่มชื้น นอกจากนั้นน้ำยังช่วยกำจัดของเสียระหว่างการดูแลรูปลักษณ์ร่างกาย จะมีของเสีย โดยเฉพาะไขมันที่จะต้องกำจัดออก ซึ่งถ้าหากร่างกายมีน้ำเพียงพอก็จะสามารถกำจัดของเสียเหล่านี้ออกมาได้มาก 

 

น้ำช่วยบรรเทาอาการท้องผูก

 

น้ำสามารถช่วยไม่ให้ท้องผูก หากร่างกายได้รับน้ำน้อย ทำให้ขับถ่ายลำบาก ซึ่งทำให้เกิดท้องผูก แต่สามารถช่วยให้หายได้ โดยการดื่มน้ำให้เพียงพอได้มีการค้นพบว่าน้ำมีส่วนช่วยในการดูแลรูปลักษณ์ ร่างกายไม่สามารถทำหน้าที่ได้โดยสมบูรณ์หากได้รับน้ำไม่เพียงพอ โดยเฉพาะการเผาผลาญไขมันที่สะสม หากร่างกายเก็บน้ำไว้มากจะดูได้จากการที่มีน้ำหนักเกิน แต่แก้ไขได้โดยการดื่มน้ำเพิ่มขึ้น การดื่มน้ำมากขึ้นจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยในการดูแลรูปลักษณ์ ดื่มน้ำเท่าไหร่จึงจะพอ? โดยเฉพาะควรดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีน้ำหนักเกินควรดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้นอีก และจะต้องเพิ่มขึ้นอีกหากคนๆ นั้นชอบออกกำลังกายหรืออยู่ในที่ ๆ 

มีอากาศร้อนหรือแห้ง น้ำเย็นจะถูกดูดซึมในร่างกายได้เร็วกว่าน้ำอุ่น บางหลักฐานแนะนำว่าการดื่มน้ำเย็นจะช่วยเผาผลาญแคลลอรี่

 

 

ดื่มน้ำบำบัดโรค ช่วยอายุยืน

 

รายงานทางการแพทย์ระบุว่า การดื่มน้ำมากๆจะทำให้อายุยืน พร้อมสำรวจอาการร่างกายขาดน้ำ ยิ่งถ้าพบว่าผิวหนังแห้ง ไม่ชุ่มชื้น ตาแห้ง มีกลิ่นปาก ท้องผูก เป็นริดสีดวงทวาร นั่นแสดงว่าร่างกายของคุณกำลังขาดน้ำอย่างยิ่งเชียว

 

“วิธีแก้แบบง่ายๆ ปลอดภัย และประหยัดที่สุดก็คือ การดื่มน้ำนั่นเอง”

 

ดื่มน้ำให้ถูกวิธี คือ ดื่มวันละ 14 แก้ว ได้แก่

 

1. เวลาตื่นนอนให้ดื่มน้ำอุ่น 4 แก้ว

 

2. ก่อนอาหารทุกมื้อ มื้อละ 1 แก้ว

 

3. หลังอาหารทุกมื้อ มื้อละ 1 แก้ว

 

4. ในเวลา 10.00, 14.00, 16.00 เวลาละ 1 แก้ว

 

5. ก่อนนอนดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว รวม 14 แก้ว

 

หลักการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด สามารถทำง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยน้ำที่เหมาะแก่การดื่มคือ น้ำอุณหภูมิปกติไม่ร้อนหรือเย็นจัดจนเกินไป ถ้าเป็นน้ำอุ่นควรดื่มตอนเช้าเพื่อช่วยล้างลำไส้ให้สะอาด และช่วยการขับถ่ายของเสีย

 

เทคนิคในการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ ทางการแพทย์บอกว่าถ้าดื่มในช่วงพระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้าต้องดื่มน้ำอุ่น....แต่ถ้าพระอาทิตย์พ้นขอบฟ้าแล้วให้ดื่มน้ำเย็น เพื่อเป็นการกลับคืนสู่ธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนหลงลืมอิทธิพลของพระอาทิตย์พระจันทร์มานาน ถ้าทำได้ดังที่กล่าวมาประโยชน์จากการดื่มน้ำจะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณอย่างเห็นได้ชัด

 

ข้อควรจำ ไม่ควรดื่มน้ำก่อนและหลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ เพราะจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจางลง ส่งผลให้การย่อยไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ในแต่ละมื้อไม่ควรรับประทานอาหารให้แน่นจนเกินไป ควรทานแค่อิ่มพอดี แล้วรับประทานผลไม้สดเพื่อล้างคอก่อนจะจิบน้ำตามนิดหน่อยรับรองสบายท้อง ส่วนการรับประทานอาหารพร้อมกับดื่มน้ำตลอดเวลาเป็นนิสัยที่ควรเลิก ทางที่ดีควรซดน้ำแกงกลั้วคอจะดีกว่า

 

 

ที่มาของข้อมูล http://www.dwr.go.th

 

 

 

guest

Post : 2013-01-07 14:43:48.0     Forum: บทความถูกใจ  >  เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับไข่

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับไข่

 

     “ไข่” หนึ่งในอาหารยอดนิยมของคนทุกเพศทุกวัย นอกจากจะมีคุณค่าทางอาหารสูงแล้ว ยังราคาไม่แพง สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละอย่างก็ล้วนน่ารับประทานทั้งนั้นเลย แต่มีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับไข่อีกมากมายที่ยังไม่รู้ มาดูกัรว่ามีอะไรบ้าง

1. ทำไมไข่ทุกฟองจึงไม่ฟักเป็นตัว?

ไข่ไก่ที่เรารับประทานทุกวันนี้ เป็นไข่ที่ไม่ผ่านกระบวนการปฏิสนธิ คือ ไม่มีการผสมกันระหว่างเชื้อของตัวผู้และไข่ของตัวเมีย แต่ในระบบสืบพันธุ์ของไก่ตัวเมียจะมีรังไข่และท่อรังไข่ รังไข่นี้มีหน้าที่ผลิตไข่ ไข่ที่ผลิตแต่ละฟองจะถูกปล่อยออกมาตามท่อรังไข่อย่างสม่ำเสมอ และแม่ไก่ก็พร้อมจะวางไข่ กระบวนการนี้จะดำเนินไปตลอด ไม่ว่าไข่จะมีการปฏิสนธิหรือไม่ก็ตาม

2. ไข่สุก-ไข่ดิบ อะไรมีประโยชน์กว่ากัน?
      
เราไม่ควรรับประทานไข่ดิบ เพราะในไข่ดิบอาจจะมีเชื้อโรค และไข่ขาวดิบยังย่อยยากอีกด้วย หากเรารับประทานไข่ขาวดิบเข้าไป มันจะผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ไปโดยไม่ได้ย่อย ร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้ หากจะรับประทานไข่ลวก ควรลวกให้ไข่ขาวสุกเสียก่อน นอกจากอร่อยกว่าแล้วยังปลอดภัยจากเชื้อโรคโดยเฉพาะไข้หวัดนกอีกด้วยนะจ๊ะ

3. ช่องวางไข่ในตู้เย็น ทำให้อายุไข่สั้น?
      
เปลือกไข่มีลักษณะเป็นรูพรุนตลอดทั้งฟอง รูที่เปลือกมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ผิวไข่ที่เห็นจึงดูเรียบเนียน และเพราะเปลือกมีรูพรุนทำให้ไข่สามารถดูดซึมกลิ่นต่างๆ ได้ง่าย จึงไม่นิยมเก็บไข่ไว้กับอาหารที่มีกลิ่นฉุน อย่างกะปิ น้ำปลา การเก็บไข่ควรเก็บไว้ในตู้เย็นจะเหมาะกว่าเก็บที่อุณหภูมิปกติ และควรใส่ในภาชนะแล้ววางไว้บนชั้นวางธรรมดาในตู้เย็น ดีกว่าใส่ในช่องวางไข่ที่ฝาผนังตู้เย็น ซึ่งจะมีอุณหภูมิสูงทำให้ไข่เสียเร็วกว่าที่ควร

4. เก็บไข่ควรนำด้านแหลมลง?
      
การวางไข่โดยเอาด้านแหลมลง และให้ด้านป้านอยู่บนไข่แดงที่มีน้ำหนักเบากว่าไข่ขาว แม้จะพยายามลอยตัวขึ้นบน แต่ก็จะปะทะกับโพรงอากาศที่อยู่ทางด้านป้าน ไม่ปะทะกับเปลือกไข่ ไข่แดงจึงอยู่กลางใบ หากเราเปลี่ยนเอาทางด้านป้านลง ไข่แดงจะลอยขึ้นไปติดที่เปลือกไข่ ทำให้ไข่แดงแตกง่ายเวลาตอก การเก็บไข่จึงควรนำด้านแหลมลงทุกครั้ง

5. ไข่ไม่ได้เป็นแค่อาหาร
  - ไข่ขาว นำมาทำเป็นส่วนประกอบของยาบางชนิด ทำสีทาสิ่งของ ทำกาว ทำหมึกพิมพ์ ช่วยย้อมหนัง กำจัดสิวเสี้ยน
  - ไข่แดง ทำสบู่ สี แชมพู ตกแต่งหนังสัตว์ บำรุงผิว
  - เปลือกไข่ ทำอาหารสัตว์ ปุ๋ย และนำไปทำสิ่งประดิษฐ์ได้อีกหลายสิบอย่าง

เห็นไหมล่ะว่า ไข่ฟองเล็กๆ ที่คุ้นเคยกันดี มีความน่าสนใจมากขนาดไหน ทีนี้ เรามาดูว่าไข่มีคุณค่าทางอาหารอะไรบ้าง

  - โปรตีนจากไข่ เป็นโปรตีนคุณภาพดีที่มีความสำคัญต่อการสร้างเนื้อเยื่อให้กับร่างกาย
  - ธาตุเหล็ก มีมากในไข่แดง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงและนำออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
  - แคโรทีนอยด์ (carotenoids) ในไข่แดงช่วยลดภาวะกล้ามเนื้อเสื่อม และปัญหาสายตาในผู้สูงอายุ
  - โคลิน (choline) ช่วยในการทำงานของระบบประสาท ในเรื่องความจำและการเรียนรู้
  - กรดโฟลิค (folic acid) วีตามินบี 6 บี12 ช่วยลดระดับโฮโมซิสเทอีน (homocysteine) ซึ่งถ้ามีมากจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ
  - สังกะสี มีบทบาทสำคัญกับการเจริญเติบโต ช่วยสร้างเอ็นไซม์ ซึ่งช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  - ซัลเฟอร์ ช่วยลดการอักเสบ และขจัดสารพิษออกจากร่างกาย
  - แมกนีเซียม ช่วยในการเจริญเติบโต และบำรุงรักษากระดูกและฟันให้แข็งแรง และยังช่วยในการทำงานของเอนไซม์ในร่างกายด้วย
  - แคลเซียม วิตามินเอ ดี อี เค ไนอะซิน โพแทสเซียม โซเดียม และไขมัน ซึ่งล้วนจำเป็นต่อร่างกาย

มื้อต่อไปลองหาไข่มาทานซักฟองนะค๊ะ ....

 


 

guest

Post : 2013-01-07 14:27:59.0     Forum: สูตรอาหารถูกปาก  >  ผัดไทย

เครื่องปรุง

- เส้นจันท์ หรือ ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก 720 กรัม , แช่น้ำให้นุ่มประมาณ 4 ชั่วโมงหรือในน้ำอุ่น 30 นาที

- กระเทียม 1-2 กลีบ สับให้ละเอียด , หอมแดง 1 หัว , หั่นบางๆ , ไข่ไก่ 2 ฟอง , น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ , น้ำตาลปี๊บ 2-3 ช้อนโต๊ะ , น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ , เต้าหู้ทอด 3 ช้อนโต๊ะ

- หัวไชโป๊หวาน 2 ช้อนโต๊ะ , ถั่วงอกสด 1-2 ถ้วย , ใบกุ้ยช่าย ต้นหอม 3 -4 ต้น, ถั่วลิสงคั่วบดละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ, มะนาว 1 ลูก , หั่น 4 ซีก

เครื่องปรุงน้ำซอสปรุงรส
- น้ำมะขามเปียก 6 ช้อนโต๊ะ
- ซอสมะเขือเทศ 4 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 2  ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊ป 3 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น ½ ช้อนชา
- พริกป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำผัดไทย

แช่เส้นจันท์ หรือ ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กในน้ำอุ่นประมาณ 30 นาที
ตั้งกระทะให้ร้อนปานกลาง ใส่น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
เติมกระเทียม หอมแดง ลงในกระทะผัดให้ได้กลิ่นหอม
เริ่มใส่เต้าหู้ หัวไชโป๊หวาน ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือเส้นจันท์ ลงผัดเข้ากับเนื้อ
ปรุง รสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา
ใส่น้ำซุป ผัดให้เข้ากันจนเส้นนุ่ม พักเนื้อและเส้นก๋วยเตี๋ยวไว้ข้างกระทะ
ใส่น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะที่เหลือลงตรงกลาง และตอกไข่ 2 ฟองลง ตีไข่แดงและไข่ขาวให้แตก พอสุกแล้วน้ำผัดรวมกับเส้นก๋วยเตี๋ยวให้เข้ากัน
ใส่ถั่วงอก ใบกุ้ยช่ายหรือต้นหอม ลงผัดตามสักพัก แล้วดับตาไฟทันที
ตักขึ้นใส่จาน
โรยหน้าด้วยถั่วลิสงบด และเสริฟ์ด้วยมะนาว ถั่วงอก

guest

Post : 2013-01-07 14:24:21.0     Forum: เคล็ดลับงานครัว  >  วิธีการเลือกซื้อผักสด

การรับประทานผักสดมีประโยชน์ต่อร่างกาย วิธีเลือกซื้อผักสดไว้รับประทานเลือกอย่างไร ...

ผักสด เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ คือ เป็นอาหารที่ให้ วิตามิน และเกลือแร่ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และการรักษาสมดุล ของร่างกาย ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง เจริญเติบโต มีระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายที่ดี อย่างไรก็ตาม ผักสดอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ ถ้าหากผักสดมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค พยาธิ และสารเคมีที่เป็นอันตราย

การเลือกซื้อผักสด

1. ควรเลือกซื้อผักสดที่สะอาด ไม่มีคราบดิน หรือคราบขาวของสารพิษกำจัดศัตรู พืช หรือเชื้อราตามใบ ซอกใบ หรือก้านผัก

2. เลือกซื้อผักสดที่มีรูพรุน เป็นรอยกัดแทะของหนอนแมลงอยู่บ้าง ไม่ควรเลือก ซื้อผักที่มีใบสวยงาม เพราะถ้าหากว่าหนอนกัด เจาะผักได้ แสดงว่า มีสารพิษ กำจัดศัตรูพืชในปริมาณที่ไม่เป็นอันตรายมาก

3. เลือกซื้อผักสดอนามัย หรือผักกางมุ้ง ตามโครงการพิเศษของกรมวิชาการ เกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ถ้าจะเลือกซื้อผักสดครั้งหน้า อย่าลืมเลือกซื้ออย่างถูกวิธีจะได้มีผักสดที่ปลอดภัยไว้รับประทาน...

 

ที่มา : phiriya.com

guest

Post : 2012-12-24 10:34:17.0     Forum: บทความถูกใจ  >  อาหารหน้าหนาว

   ช่วงนี้เข้าหน้าหนาวแล้วอากาศเริ่มเย็น ดูแลสุขภาพกันหน่อยนะคะ หาเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอสวยๆ เวลานอนก็ห่มผ้าหนาๆ ให้ร่างกายอบอุ่นนะคะ จะได้ไม่เจ็บป่วย และวันนี้เรามีเคล็ดลับอาหารบำรุงร่างกายในฤดูหนาวนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกๆ คนนะคะ 

               อาหารตามหลักการแพทย์แผนจีนในฤดูหนาวก็ คือ การรับประทานอาหารที่ช่วยให้ร่างกายมีความอบอุ่น ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพดีไม่เจ็บป่วยง่ายในช่วงอากาศหนาวๆ เช่น ไข้หวัด ดังนั้น เราจึงควรรักษาความสมดุลของร่างกายจากผลกระทบของลม อากาศหนาวและความชื้นด้วยอาหารประจำวัน เช่น การดื่มไวน์แดงหนึ่งแก้ว รับประทานกะหล่ำปลีม่วงหรือเนื้อแกะก็จะช่วยให้ภายในร่างกายอบอุ่น นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารอื่นๆ สู้ลมหนาวอีก เช่น กระเทียม ฟักทอง เนื้อสัตว์ ถั่ววอลนัต และผลไม้แห้ง

 

 

1. อาหารเช้า

การรับประทานอาหารดิบๆ เช่น ผักดิบ ผลไม้ หรือผลไม้รสเปรี้ยว จะส่งผลให้ร่างกายเกิดความเย็น ซึ่งย่อมไม่ดีต่อสุขภาพในฤดูหนาวเป็นแน่ โดยเฉพาะเมื่อมือเท้าเย็น ในตอนเช้าคุณควรเริ่มต้นอาหารเช้าด้วยการรับประทานอาหารอุ่นๆ เช่น ข้าวกล้อง หรือข้าวต้มธัญพืชร้อนๆ หรือโจ๊กข้าวโอ๊ต โดยการเติมถั่วและผลไม้ลงไปต้มด้วย ก็จะเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดีในฤดูนี้

 

2. อาหารกลางวัน

ควรเป็นอาหารที่ผ่านการหุงต้มร้อนๆ เพราะจะทำให้กระเพาะอาหารอบอุ่นและป้องกันหวัดได้ด้วย นอกจากนี้ ก็ควรเดิมวิตามินและเกลือแร่ให้ร่างกายด้วยผักชนิดต่างๆ เช่น ฟักทอง กะหล่ำขาว กะหล่ำม่วง แครอท มันฝรั่ง หรือมันเทศ และปรุงด้วยน้ำมันพืชกลั่นเย็น เช่น น้ำมันงา น้ำมันถั่ววอลนัต นอกจากนี้ ก็ควรรับประทานถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดงา เป็นต้น

 

3. อาหารเย็น

ควรเป็นอาหารร้อนๆ เช่น จับฉ่ายจากผักหัวต่างๆ รับประทานกับข้าวกล้องหรือข้าวต้มก็ได้ เครื่องดื่มก็ควรเป็นเครื่องดื่มร้อนๆ โดยเฉพาะเครื่องดื่มสมุนไพร เช่น น้ำตะไคร้ น้ำขิง หรือดื่มไวน์แดงสักหนึ่งแก้ว

 

4. อาหารบำรุงร่างกายสู้ลมหนาว

- ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต

- ผัก เช่น กะหล่ำเขียว กะหล่ำม่วง ต้นกระเทียม ฟักทอง หัว         

  หอมใหญ่

- เนื้่อสัตว์ เช่น เนื้อแกะ เนื้อไก่

-เครื่องเทศ เช่น ยี่หร่า ต้นหอม กระเทียม อบเชย ก้านพลู

- ถั่วเปลือกแข็ง เช่น ถั่ววอลนัต ถั่วฮาเซล ฯลฯ

- ผลไม้แห้ง เช่น ลูกเกด อินทผาลัม ผลมะเดื่อ ฯลฯ

 

เครดิต : 108health.com

 

 

 

 

guest

Post : 2012-12-21 13:47:06.0     Forum: สูตรอาหารถูกปาก  >  ยำสลัดปูอัด

 ส่วนผสมและเครื่องปรุง ยำสลัดปูอัด 

1. ปูอัด 3-5 แท่ง 
2. ผักกาดแก้ว 1 จาน 
3. มะเชือเทศราชินี 5 ผล 
4. แตงกวา 1 ผล 
5. หอมแดง ผักโต้วเหมี่ยว และ 
ใบสะระแหน่ อย่างละเล็กน้อย
6. สลัดครีม 4 ช้อนโต๊ะ 
7. พริกขี้หนู 1-2 เม็ด 
8. น้ำมะนาว 3-4 ช้อนโต๊ะ 
9. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ 
10. ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ล้างผักสลัดต่างๆ ให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นตัดผักกาดแก้ว หั่นแตงกวา เป็นชิ้นพอคำ มะเขือเทศราชินีผ่าครึ่ง เคล้าให้เข้ากันในชามผสมสลัด เบาๆมือหน่อยนะคะ ระวังผักจะช้ำ (ความจริงเรื่องผักนี่ไม่มีข้อจำกัดนะคะ เลือกใส่ได้ตามความชอบเลยค่ะ)
2.  ขั้นต่อไปผสมน้ำยำ ใส่สลัดครีมลงในชาม ตามด้วย น้ำมะนาว น้ำปลา ซอสปรุงรส เคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ (เรื่องรสชาติ นี่ก็เหมือนกัน สัดส่วนที่ให้ไว้พอให้เห็นภาพ แต่ความจริงแล้ว คนเราชอบไม่เหมือนกัน ใส่ส่วนผสมแต่น้อยก่อน จากนั้นปรับเพิ่มตามความชอบ แต่ต้องให้น้ำยำออกรสจัดไว้นิดนึง เพราะเดี๋ยวเอาไปใส่ในผักแล้วรสจะอ่อนลง)
3. ปูอัดที่เป็นแท่ง นำมาตัดครึ่ง จากนั้นฉีกเป็นเส้นๆ ใส่ลงในชามผสมผัก ตักน้ำยำที่เตรียมไว้ลงไปเคล้า ใส่พริกขี้หนู (แนะนำให้ใช้สีแดง เม็ดใหญ่หน่อย) มาน้อยตามชอบ ตามด้วยใบสะระแหน่ เล็กน้อย
จัดใส่จาน ตกแต่งด้วยผักโต้วเหมี่ยว โรยพริกขี้หนูซอย และใบสะระแหน่ แค่นี้ก็พร้อมรับประทานแล้วค่ะ
 
เครดิต : Thaifood.com

guest

Post : 2012-12-20 15:17:28.0     Forum: เคล็ดลับงานครัว  >  เคล็ดลับ!!! เก็บปลาเค็มไม่ให้เป็นเกลือ

เชื่อว่าหลายคนเคยประสบพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาบ้าง ทั้งปลาเค็มที่คุณหาซื้อมาจากตลาด หรือมุมานะลงมือทำด้วยตนเองแต่คะเนปริมาณเกลือผิดพลาด กลัวว่าถ้าใส่น้อยเกินไปเดี๋ยวปลาจะเสีย เน่า ต้องทิ้ง ผลปรากฏเมื่อแล้วเสร็จเก็บไว้ตัวแรก ๆ อาจเค็มกำลังดี กินอร่อยแต่หลัง ๆ ชักไม่ไหวแล้ว เค็มยังกับเกลือ หรือเกลือยังเรียกพี่
 
ปัญหานี้แก้ไขได้ค่ะ โดยใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือ นำเกลือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำคนให้ละลายจากนั้นนำปลาเค็มแช่ลงไป กะเวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นนำไปล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้งใส่กระชอนพักให้สะเด็ดแล้วจึงนำไปทอดหรือปรุงเป็นอาหารอื่นตามแต่คุณแม่บ้าน พ่อบ้าน 
 
 
 
แหล่งที่มา :   archeep

guest

Post : 2012-12-18 11:36:02.0     Forum: สูตรอาหารถูกปาก  >  หลนเนื้อปู

หลนเนื้อปู หลนเป็นอาหารประเภทเครื่องจิ้มชนิดหนึ่งค่ะ การหลนเราจะใช้กะทิข้นๆมาทำให้อาหารสุก รสชาติของหลนจะออกรส หวาน เค็ม เปรี้ยว รับประทานกับเครื่องเคียงผักสดชนิดต่างๆเช่น แตงกวา มะเขื่อ ขมิ้นขาว เป็นต้น
วัตถุดิบที่ต้องเตรียมทำหลนปูวันนี้มี

1. เนื้อปู

2. เนื้อหมูบด

3. หอมแดงซอย

4. พริกชี้ฟ้า แดง เหลือง เขียว หั่นเป็นแว่น

5. กะทิ

6. น้ำปลา

7. น้ำตาลปี๊บ

8. น้ำมะขามเปียก

9. ผักสดต่างๆ เช่น แตงกวา ขมิ้นขาว มะเขือ
วิธีทำ หลนเนื้อปู
ขั้นตอนแรกเราจะโขลกหอมแดง ให้บุบเล็กน้อย ตามด้วยพริก 3 สี เล็กน้อย (แบ่งไว้ตอนทำหลนด้วยนะคะ) ไม่ต้องละเอียดมากนะคะ ใส่เนื้อปูลงไปโขลกด้วยนิดหน่อยค่ะ
ขั้นตอนต่อไปเราจะทำการหลนค่ะ ใส่กะทิลงในหม้อประมาณหนึ่งทัพพีค่ะ เราจะผัดกะทิกับส่วนของเนื้อปูที่เราโขลกเตรียมไว้ ผัดจนหอมแดงสุกแล้วเราจะใส่เนื้อหมูลงไปผัด ผัดหมูให้สุกค่ะ
เทกะทิที่เหลือลงไปในหม้อ รอให้กะทิเดือด หลังจากนั้นเราจะใส่พริก 3 สี ที่เหลือลงไปค่ะ รอให้ส่วนผสมเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลา  น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก ชิมรสชาติให้ได้ตามที่ต้องการค่ะ เมื่อทุกอย่างสุกแล้ว ปิดไฟ
ตักใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ค่ะ  จากนั้นโรยหน้าด้วยเนื้อปูที่เราแบ่งไว้ในตอนแรก ใส่พริกขี้หนูเพิ่มถ้าชอบทานเผ็ด

เพียงเท่านี้เราก็ได้หลนเนื้อปูแสนอร่อยไว้ทานกับผักสดๆที่เตรียมไว้ค่ะ

เครดิต : www.อาหารอร่อย.com

guest

Post : 2012-12-17 13:38:30.0     Forum: บทความถูกใจ  >  สรรพคุณและประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่ง

หน่อไม้ฝรั่งเป็นผักที่มีโฟเลตอยู่ในปริมาณมากซึ่งโฟเลตนี้มีความจำเป็นต่อทารกในครรภ์สำหรับการสร้างกระดูก หากขาดอาจทำให้ลูกของคุณกระดูกสันหลังโหว่ได้ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก อีกทั้งโฟเลตยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งที่ปอดได้อีกด้วยเพราะมะเร็งปอดนั้นเกิดจากปริมาณโฟเลตในเลือดที่ต่ำ เมื่อกินผักที่มีปริมาณโฟเลตสูงก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดได้นั่นเอง

นอกจากโฟเลตแล้วหน่อไม้ฝรั่งยังมีส่วนประกอบของกำมะถัน ดังนั้นจึงเป็นยาขับปัสสาวะได้ดีตัวหนึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ป่วยที่เป็นโรคขัดเบา

ในอดีตหน่อไม้ฝรั่งยังมีสรรพคุณเป็นยาใช้รักษาโรคหลายชนิด เช่น โรคเส้นประสาทอักเสบ โรครูมาติซึม และบรรเทาอาการปวดฟันได้อีกด้วย คุ้มเกินคุ้มจริง ๆ

guest

Post : 2012-12-15 14:13:06.0     Forum: บทความถูกใจ  >  อาหารเสริมข้าวกล้องมันปูฟื้นฟูสมอง

นักเทคโนโลยีชีวภาพค้นพบว่า ข้าวแต่ละชนิดให้คุณค่าทางโภชนาการต่างกัน สามารถสกัดออกมาเป็นอาหารเสริมรักษาอาการเจ็บป่วย

ศ.เกียรติคุณ ไมตรี สุทธจิตต์ หัวหน้าสำนักวิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา วัย 70 ปี หนึ่งในนักวิจัยที่สนใจศึกษาคุณสมบัติพิเศษของข้าว เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับพืชเศรษฐกิจที่เป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศ

 "อาหารเสริมที่มีขายกันส่วนใหญ่ สกัดมาจากผลไม้จากต่างประเทศที่มีประโยชน์สูง อย่างพวกลูกบลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นองค์ประกอบ ทำให้อาหารเสริมที่ผลิตจากผลไม้ดังกล่าว ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้รักสุขภาพทั่วไป ความจริงพืชพื้นบ้านของไทยหลายชนิด มีศักยภาพนำมาทำเป็นอาหารเสริมป้องกันโรคบางโรคได้เหมือนกัน เพียงแต่ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพียงพอ"

 ตลอด 20 ปี ที่ผ่านมา นักชีวเคมีรุ่นใหญ่ได้ลงมือค้นหาสารต้านอนุมูลอิสระที่แฝงตัวอยู่ในพืชผักตามธรรมชาติหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็นพืชชื่อแปลกอย่างมะเม่า มะเกี๋ยง ที่ฟังดูหลายคนอาจจะยังไม่คุ้นหูนัก เขาได้ทุ่มเทเวลาศึกษาอย่างจริงจัง กระทั่งมีข้อมูลแน่นพอยืนยันได้ว่า พืชเหล่านี้มีสาร "แอนโทไซยานิน" มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างมีนัยสำคัญ

 เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกายเป็นตัวการทำให้เซลล์เสื่อมเร็วกว่าปกติ แต่ธรรมชาติได้สร้างคู่ปรับของอนุมูลอิสระในรูปของผักผลไม้สีเข้ม

 การค้นหาของ ศ.เกียรติคุณ ไมตรี ไม่ได้หยุดอยู่ที่พืชพื้นบ้านเท่านั้น เขายังพบว่าข้าวกล้อง ข้าวแดง หรือข้าวมันปูของไทยมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระไม่แพ้พืชชนิดอื่น และเริ่มศึกษาคุณสมบัติของข้าวกล้องอย่างจริงจัง เพื่อให้ผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล งานวิจัยดังกล่าวจึงออกแบบการทดลองครบทุกกระบวนการตั้งแต่ระดับสัตว์ทดลองในห้องปฏิบัติการวิจัย ไปจนถึงการศึกษาวิจัยในคน ซึ่งเป็นเป้าหมายในอนาคต

 คณะกรรมการพิจารณาทุนวิจัยจากบริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหลากยี่ห้อ ให้ความสนใจงานวิจัยและได้มอบทุนเซเรบอสอวอร์ด 2009 จำนวนเงิน 2 แสนบาท ให้แก่ทีมวิจัย เพื่อนำไปใช้ในการศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพของข้าวกล้องมันปูและข้าวนิล เพื่อการป้องกันโรคเบาหวานและโรคอัลไซเมอร์

 ทุนวิจัยเซเรบอสนี้จะแบ่งสำหรับการศึกษา 2 ช่วง คือ 1. การทดสอบในอาสาสมัครผู้ป่วยเบาหวาน 10 คน เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของข้าวดังกล่าว คาดว่าปี 2553 จะทราบผลที่ชัดเจน

 และ 2. โรคอัลไซเมอร์จะเริ่มทดลองในเซลล์สมองของหนู เพื่อดูปริมาณไขมันในสมองภายหลังรับสารจากข้าวทั้ง 2 ชนิด หากปริมาณไขมันในสมองมากผิดปกติ จะไปทำลายเซลล์สมอง และส่งผลต่อความจำ ในทางตรงกันข้าม หากปริมาณไขมันลดลงย่อมส่งผลดีต่อเซลล์ความจำเช่นกัน

 "ข้าวกล้องมีวิตามินและแร่ธาตุมากกว่าข้าวขาว 2-3 เท่าตัว และยังมีสรรพคุณกระตุ้นให้อินซูลินหลั่งช้าๆ ทำให้ลดระดับคอเลสเตอรอลต่ำ จึงเป็นไปได้ที่จะสกัดเอาประโยชน์ของข้าวใช้เป็นอาหารเสริมสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน" นักวิจัยกล่าว

 นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในข้าวกล้อง ยังช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ในร่างกายและเซลล์ประสาทเสื่อมสภาพ ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท จึงมีความเป็นไปได้สำหรับรักษาอาการความจำเสื่อม หรืออัลไซเมอร์

 ทีมวิจัยจับตาคุณสมบัติของข้าวแดงมันปูและข้าวนิลเป็นพิเศษ ข้าวทั้งสองชนิดมีสารแอนโทไซยานินสูงกว่าข้าวขาวทั่วไปถึง 20-30 เท่า ทั้งยังมีกลไกยับยั้งการเกิดไกลเคชั่นในโรคเบาหวาน โดยเฉพาะกระบวนการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลจะน้อยกว่าข้าวปกติ ซึ่งส่งผลดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน

 ปัจจุบัน อยู่ระหว่างพัฒนาวิธีการตรวจวัด พร้อมศึกษาถึงผลต่อความเป็นพิษในเซลล์มะเร็ง ความเป็นพิษในการทำงานของตับ และผลต่อระดับคอเลสเตอรอลในหนูทดลองที่เป็นเบาหวาน

 "สิ่งที่จะได้รับ คือ สามารถนำประโยชน์จากข้าวแดงมันปูและข้าวนิล ไปใช้ร่วมในการรักษาผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากข้าวมันปูสามารถรับประทานได้เป็นประจำ จึงเป็นผลดีต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน"

 เขาเชื่อว่า อาหารเสริมสกัดจากข้าวกล้องจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มได้นอกเหนือจากข้าวกล้องทั่วไป เนื่องจากข้อจำกัดของข้าวกล้อง คือ หุงยาก ปลูกยาก ทำให้ข้าวมีราคาแพง และไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร

 นอกจากงานวิจัยฤทธิ์ของข้าวกล้องมันปูและข้าวนิล เพื่อการป้องกันโรคเบาหวานและโรคอัลไซเมอร์แล้ว ยังมีงานวิจัยอีก 3 ที่ได้รับการสนับสนุนจากทุนวิจัยเซเรบอสอวอร์ด จำนวนเงิน 1 แสนบาทต่อโครงการ ได้แก่

 การศึกษาสารออกฤทธิ์ป้องกันโรคอัลไซเมอร์จากจันทน์ชะมด โดย ดร.พัฒทรา สวัสดี ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เห็นว่า โรคอัลไซเมอร์ อยู่ในกลุ่มโรคสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยที่สุด โดยสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ปัญหาที่พบคือเป็นแล้วไม่มีวันหาย เพราะไม่มียารักษา งานวิจัยชิ้นนี้จึงได้เริ่มต้นขึ้น หลังจากที่ทดสอบฤทธิ์ยับยั้งโคลีนเอสเทอเรสกับสมุนไพรไทย 60 ชนิด แล้วพบว่า สารสกัดจากเปลือกจันทน์ชะมดมีฤทธิ์ที่น่าสนใจ จึงเดินหน้าศึกษาต่อด้วยเทคนิคทางเคมีและการคำนวณทางคอมพิวเตอร์ควบคู่กันไป

 ดร.พัฒทรา เริ่มต้นค้นหาสารยับยั้งเอนไซม์โคลีนเอสเทอเรส ซึ่งก่อให้เกิดความเสื่อม จากเปลือกจันทน์ชะมด จันทน์หอม หรือดอกไม้จันทน์ ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และหวังว่าจะสามารถค้นหาสารสำคัญที่ใช้เป็นสารต้นแบบสำหรับพัฒนายาป้องกันโรคความจำเสื่อมได้ในอนาคต  โดยงานวิจัยชิ้นนี้ตั้งเป้าศึกษาในหลอดทดลอง ถึงกลไกการจับของสารออกฤทธิ์กับเอนไซม์เป้าหมาย โดยใช้วิธีการคำนวณทางคอมพิวเตอร์

 ผลงานวิจัยเรื่อง "การออกแบบและการสังเคราะห์สารกลุ่ม g-secretase modulators เพื่อใช้เป็นยารักษาโรคอัลไซเมอร์" โดย ดร.กิตติศักดิ์ ศรีภา ภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 “ปัจจุบันพบว่าอัตราการเสื่อมสภาพทางด้านความจำ ในช่วงอายุมากกว่า 50 ปี เพิ่มขึ้น ที่สำคัญยังพบว่าผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์มีอัตราการเสียชีวิตระดับเดียวกับโรคหลอดเลือดในสมองแตกอีกด้วย  ดังนั้นการคิดค้นยาที่ยับยั้งสาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์โดยตรงจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย ดังนั้นงานวิจัยชิ้นนี้จึงมีความสนใจในการออกแบบและสังเคราะห์สารตัวใหม่ที่คาดว่าจะมีฤทธิ์พัฒนาเป็นยาได้ในอนาคต" ดร.กิตติศักดิ์อธิบาย

 ขณะที่โครงการสุดท้ายที่ได้รับทุนนี้ แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์ แต่ก็เป็นการศึกษาผลของโสม Ginsenosides Re ต่อกระแสโพแทสเซียมที่กระตุ้นโดยแคลเซียมไอออนในเซลล์เอนโดทีเสียมของหลอดเลือดหัวใจ โดย ดร.วัฒนา วัฒนาภา ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

ที่มองเห็นว่า สารสกัดจากโสมมีผลต่อการสลายตัวของเส้นเลือดแดงในมนุษย์ ซึ่งมีผลต่อการป้องกันและรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคต โดยเซลเอนโดทีเลียมของหลอดเลือดหัวใจ มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการไหลเวียนของหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งทีมวิจัยจะเดินหน้าศึกษาต่อไป
 

guest

Post : 2012-11-26 21:18:38.0     Forum: สูตรอาหารถูกปาก  >  ข้าวหน้าไก่ - เมนูพาเด็กเข้าครัว

 เครื่องปรุงโดยประมาณ สำหรับรับประทาน 2 คน             

+   อกไก่ 1 ชิ้น      

+   น้ำมันงา 1 ชช.

+   ซีอิ้วขาว 2 ชต. 

+   น้ำมันหอย 1 ชต.

+   ซีอิ้วดำ 1/2 ชต.              

+   นมสด 2 ชต.

+   น้ำตาลทรายแดง 1/2 ชช.              

+   กระเทียมกลีบเล็ก 3 กลีบ

+   พริกไทยเม็ด 8-10 เม็ด   

+   รากผักชี 1 ราก

+   หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว      

+   เห็ดแชมปิยอง 3 ดอก

+   น้ำมันพืช 2 ชต.               

+   น้ำปลา 1 ชต.

+   น้ำซุปไก่ 1/2 ถ.              

+   แป้งมัน 1 ชต.

 

วิธีทำ

 

อกไก่ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอคำแล้วหมักกับน้ำมันงา ซีอิ้วขาว น้ำมันหอย ซีอิ้วดำ นมสด และน้ำตาลทรายแดงไว้อย่างน้อย 30 นาที

โขลกกระเทียม พริกไทยเม็ด และรากผักชีเข้าด้วยกัน หอมหัวใหญ่ปอกเปลือกหั่นเป็นเส้นตามขวาง เห็ดแชมปิยองเช็ดให้สะอาดก่อนล้าง แล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆ แป้งมันละลายน้ำไว้ด้วยค่ะ

นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมพริกไทยรากผักชีลงผัดให้หอม ใส่หอมใหญ่และไก่ที่หมักไว้ลงไปผัดจนไก่ มีสีเหลืองสวย ใส่เห็ดลงไปผัดรวมกัน ใส่น้ำซุปไก่ ตามด้วยแป้งมันที่ละลายน้ำไว้แล้ว โดยระหว่างที่เทแป้งมันใส่ให้คนตลอดเวลาด้วย นะคะ ต้มให้เดือดแล้วชิมรสตามชอบ ถ้าอ่อนเค็มก็เติมน้ำปลา อ่อนหวานก็เติมน้ำตาลค่ะ เมื่อได้รสชาติที่ถูกใจแล้วก็ลดไฟลง เคี่ยวต่อไป โดยคนเป็นระยะจนน้ำเริ่มแห้งเหนียวก็ใช้ได้ค่ะ

ตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานเสิร์ฟ ราดหน้าด้วยไก่และน้ำซอส แต่งหน้าด้วยผักชี จัดแตงกวา มะเขือเทศ หรือผักอื่นตามชอบไว้ทานเคียง เสิร์ฟคู่กับ พริกน้ำปลา อร่อยไม่เลิกเลยค่ะ

 

 


 

처음 이전 1 | 2 | 3 다음 끝

ยินดีให้คำปรึกษาเรื่องการจัดบุฟเฟ่ต์นอกสถานที่ จัดโต๊ะจีน จัดคอฟฟี่เบรคนอกสถานที่ อาหารค็อกเทลนอกสถานที่ อาหารกล่อง และอาหารว่าง โดยผู้บริหารงานด้านอาหารมืออาชีพ

ขอขอบคุณที่ให้ความสนใจค่ะ