Support
3minutesfood
088-222-5442 (DTAC), 088-203-2666 (AIS), 088-249-4500 (TRUE) (Back Up : 080-061-7044)
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest

Post : 2012-11-24 00:35:45.0     Forum: สูตรอาหารถูกปาก  >  ไข่ตุ๋นปูอัด - เมนูพาเด็กเข้าครัว

 เครื่องปรุง

-  ไข่ไก่(เบอร์ 1) 3 ฟอง

-  น้ำเปล่า

-  ปูอัด 3-4 แท่ง(หั่นแทยง)

-  แครอทหั่นลูกเต๋าเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ , หั่นแท่งเล็กน้อย

-  ต้นหอมซอย

-  ซิอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ

-  ซอสปรุงรส 2 ช้อนชา

-  น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ

 

ใส่น้ำในลังถึง จากนั้นนำลังถึงตั้งไฟ ระหว่างรอน้ำเดือด ตอกไข่ใส่ชาม ใช้ซ่อมตีไข่ให้ไข่แดงและไข่ขาวเข้ากัน ปรุงรสด้วย ซิอิ๊วขาว ซอสปรุงรส และน้ำปลา จากนั้นค่อยๆ เติมน้ำเปล่าลงไป คนให้เข้ากัน ใส่ปูอัดและแครอท ที่หั่นเตรียมไว้ส่วนหนึ่งลงในชาม แบ่งไว้ส่วนหนึ่ง เอาไว้แต่งหน้า จากภาพจะเห็นแครอทลอยอยู่บนไข่ ส่วนปูอัดจะจมอยู่ด้านล่างค่ะ

พอน้ำเดือด นำชามไข่ที่เตรียมไว้ ใส่ในลังถึงปิดฝา ใช้ไฟปานกลาง นึ่งประมาณ 20 นาที เมื่อไข่สุกจะได้ไข่ตุ๋นหน้าตาประมาณในภาพ ถึงขั้นตอนนี้อาจจะยังไม่ต้องให้ไข่สุก ทั้ง 100 % ก็ได้ค่ะ เพราะเดี๋ยวต้องแต่งหน้าแล้วนึ่งต่ออีก เอาเป็นว่าให้เกือบสุกก็แล้วกัน เวลาที่ใช้ในการนึ่งจะไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับไข่ว่าเป็นไข่ที่ออกจากตู้เย็นหรือเปล่า และไฟที่ใช้บางทีอาจจะไม่เท่ากัน แต่ที่สำคัญ เวลาใส่ชามไข่ในลังถึง ต้องรอให้น้ำเดือดก่อนค่ะ

แต่ง หน้าไข่ตุ๋นด้วย ปูอัด โรยแครอทแบบแท่ง ต้นหอมหั่นฝอย จากนั้นปิดฝาลังถึง นึ่งต่อประมาณ 2-3 นาที ให้ปูอัดและผักสุก ยกเสิร์พ ทานร้อนๆ อร่อยมากขอบอก

 

วิธีทดสอบว่าไข่สุกแล้วหรือยัง ให้ใช้ช้อนหรือซ่อมแทงลงไปที่เนื้อไข่ จิ้มลงไปเบาๆ ก็พอนะคะ ไม่ใช่กวนไข่ ถ้าไข่สุกเนื้อไข่จะเกาะกันดี หากเป็นน้ำสีไข่ดิบไหลขึ้นมา ก็แสดงว่าอาจจะยังสุกไม่ทั่วดี ปิดฝานึ่งต่ออีกหน่อยค่ะ

 

Credit : www.thaifooddb.com

 

 


 

guest

Post : 2012-11-24 00:15:21.0     Forum: สอบถาม  >  Update

 

สวัสดีค่ะ ขอบคุณสำหรับลูกค้าที่ให้การตอบรับหลายๆท่านนะคะ ตอนนี้ทางเรากำลังพัฒารายการอาหารเพิ่มเติมเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าให้หลากหลายขึ้น


จะนำมาอัพเดทเร็วๆๆๆนี้นะคะ

 

guest

Post : 2012-11-12 21:10:08.0     Forum: บทความถูกใจ  >  10 ผักอันดับแรกรักษาโรค

 

1. เห็ดหอม มีรสหวาน มีกลิ่นหอม มีฤทธิ์ลดโคเลสเตอรอลในเลือด รับประทานเป็นยาบำรุงกำลังช่วยย่อย ลดอาการเบื่ออาหาร


2. งา มีกลิ่นหอม มีน้ำมันมาก สรรพคุณบำรุงกำลัง แก้ท้องผูก ผมหงอกก่อนวัย ลดโคเลสเตอรอลในเลือด และเสริมภูมิต้านทานโรค ผู้มีท้องร่วงเรื้อรัง ไม่ควรรับประทาน


3. ถั่ว มีคุณค่าอาหารครบถ้วน มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน้ำ


4. ขี้เหล็ก ใช้ใบรับประทาน ทำให้นอนหลับดี แก้ท้องผูก และบำรุงร่างกาย


5. ตำลึง เป็นไม้เถา ใช้ใบรับประทาน เป็นพืชมีคุณค่าสูง เหมาะเป็นอาหารบำรุง นอกจากนี้ตำลึงยังมีคุณสมบัติแก้แพ้ได้ดี โดยนำใบมาพอกบริเวณโดนสัตว์กัดต่อย


6. มะระ เป็นผักจำพวกแตง มีรสขม เป็นยาดับร้อน ถอนพิษไข้ แก้กระหาย มีการทดลองกินมะระลดน้ำตาลในเลือดได้ (ส่วนเม็ดมะระจีนแก่จัดตากแห้งแกะเปลือกนอกออก นำมาบดให้ละเอียด ละลายน้ำร้อนกินวันละครั้งก่อนนอน จะแก้อาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และกระตุ้นความรู้สึกทางเพศได้)


7. ผักกาด มี 3 ชนิด ผักกาดขาว ผักกาดเขียว และผักกาดหอม ต่างมีสารอาหารเกลือแร่วิตามินครบบริบูรณ์ และมีเส้นใยอยู่จำนวนมาก รับประทานป้องกันอาการท้องผูก ลดการเป็นมะเร็งลำไส้ ส่วนผักกาดหอมสามารถป้องกันโรคความดันโลหิตสูง เพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด และสร้างเสริมภูมิต้านทานโรค 


8. มะเขือ มีอยู่ 3 ชนิด เปลือกสีเขียว สีม่วง และสีขาว พบว่าเปลือกสีม่วงและสีขาวมีคุณภาพดีกว่าสีเขียว ในมะเขือมีวิตามินบี 1 จำนวนมาก ช่วยเสริมการทำงานของสมอง ช่วยความจำ ลดอาการอ่อนเปลี้ยของสมอง ในมะเขือยาวนี้มีโปรตีน แคลเซียม และวิตามินมากกว่ามะเขือเทศ รับประทานช่วยให้เส้นเลือดไม่เปราะ ป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและโรคลักปิดลักเปิด


9. ปวยเล้ง เป็นผักสีเขียวเข้ม มีเส้นใย เกลือแร่ วิตามินซี กรดออกซาลิกจำนวนมาก ซึ่งกรดนี้ถ้ารวมตัวกับแคลเซียมจะทำให้เกิดนิ่วได้ ก่อนบริโภค ควรลวกให้สุกก่อน จึงนำมาปรุงอาหาร รับประทานเพื่อยับยั้งการดำเนินของโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน


10. แค รับประทานดอกชนิดสีแดงและสีขาว มีสรรพคุณลดไข้ ส่วนใบแครับประทานเป็นยาระบายได้


11. หัวปลี เป็นส่วนดอกของต้นกล้วย มีธาตุเหล็ก จึงบำรุงเลือด แก้โลหิตจาง และยังคงลดน้ำตาลในเลือด แก้โรคเกี่ยวกับลำไส้ การนำมาปรุงอาหารได้แก่ ยำหัวปลี หรือรับประทานสดก็ได้



การปรุงอาหารผักให้ได้คุณค่า


- การรับประทานผักต้ม จะต้องรับประทานน้ำแกงด้วย การต้มควรจะต้มในน้ำน้อยๆ และใช้เวลาสั้นๆ 


- การปรุงอาหารจำพวกผัก ถ้าเติมน้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย จะช่วยเพิ่มรสชาติอาหาร และรักษาวิตามินซีไว้ด้วย 


- เครื่องครัวที่ใช้ผัดหรือต้มผัก ควรเป็นพวกเหล็ก เพราะจะทำให้วิตามินสูญเสียน้อยกว่าพวกทองแดง

 

Credit : http://www.ku.ac.th/e-magazine/october45/know/vegetable.html

 

 

 

guest

Post : 2012-11-08 12:10:32.0     Forum: บทความถูกใจ  >  เตือนภัย กล่องโฟมและพลาสติกบรรจุอาหาร

 

 

กล่องโฟมที่ร้านค้าเอามาใช้เค้าจะแกะจากถุงพลาสติกใหญ่ ( กล่องโฟมจะเรียงซ้อนกันเป็นแถวๆ) แล้วหยิบใช้ใส่อาหารขายไม่มีการเช็ด/ล้างก่อน เคยลองเอามือลูบดูกล่องโฟมใหม่ที่เพิ่งแกะจากถุงจะมีฝุ่นโฟมติดอยู่คิดว่าน่าจะมาจากการตัดโฟมจากโรงงาน

 

หลายคนคงจะรู้จัก โรคด่างขาว บางคนเรียกโรคสะเก็ดขาว มันก็โรคมะเร็งผิวหนังดีๆ นี่เอง เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมเจอเพื่อนรุ่นพี่ที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี (เมื่อก่อนดื่ม เที่ยวด้วยกันเป็นประจำ) ก็เลยลงไปสนทนาปราศรัยในฐานะเพื่อนรุ่นพี่ที่เคารพรักและไม่ได้พบปะกันมานาน สอบถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสา พี่คนนี้ลักษณะแกคล้ายๆ อี๊ด วงฟลาย แต่หน้าตาดีกว่า ลักษณะแบบนี้คงนึกออกนะว่าเป็นยังไง แต่พอคุย จ้องหน้ากันมากๆ แกก็อายๆ อยู่บ้าง เพราะไม่เจอนานหลายปี

 

แต่ตอนนี้แกเป็นโรคด่างขาว ขึ้นทั้งปาก ทั้งศีรษะ กระทั่งมือ เต็มไปหมด แกเล่าให้ฟังว่า เวลารับประทานอาหารทุกมื้อ ลูกน้องจะเป็นผู้ไปซื้ออาหารมาให้ คือพี่แกเป็นคนรับประทานอะไรง่ายๆ อาหารทุกอย่างจะใส่กล่องโฟมมาตลอดแกบอกรับประทานอาหารที่ใส่กล่องโฟมแบบนี้ทุกมื้อเป็นเวลาประมาณ 2 ปี เท่านั้นแหละ โรคด่างขาวมันอาละวาด ลุกลามเต็มตัว และรวดเร็วมาก ทุกวันนี้ต้องไปโรงพยาบาลศิริราช แพทย์จะให้ยามาทาหลอดหนึ่งราคา 1,800.- บาท รักษามา 6 เดือนแล้วตอนนี้ดีขึ้นมากตั้งแต่นั้นมาแกบอกว่าเวลาลูกน้องไปซื้ออาหารห้ามใส่กล่องโฟมโดยเด็ดขาดให้ใส่ถุงพลาสติคเพียงอย่างเดียว ซึ่งแพทย์บอกว่า ถุงพลาสติคยังไม่ค่อยอันตรายเท่าไร เพราะกล่องโฟมเวลาโดนอาหารร้อนๆ จะมีสารชนิดหนึ่งละลายออกมาอยู่ในอาหารในกล่อง พอเรารับประทานเข้าไปมากๆ ก็จะเป็นผลเสียต่อร่างกาย 


 

 

guest

Post : 2012-11-02 23:04:14.0     Forum: สูตรอาหารถูกปาก  >  น้ำพริกกะปิ

น้ำพริกกะปิเสริฟพร้อมผักลวก+ปลาทูทอด อาหารง่ายๆของคนไทยที่หลายๆคนชอบทาน ขั้นตอนการทำก็ง่ายค่ะมาดูกันว่าใช้อะไรบ้าง

 

เครื่องตำ
1. กุ้งแห้ง (ตำให้ละเอียด)
2. กะปิ
3. พริกขี้หนูสวน
4. น้ำตาลปี๊บ
5. มะเขือพวง
6. มะนาว
7. กระเทียม

 

วิธีทำ

1. โขลกกะปิกับกระเทียมให้ละเอียดใส่กุ้งแห้งโขลกรวมกัน ใส่พริกขี้หนู มะอึก มะเขือพวงหรือมะเขือเปราะบุบพอเข้ากันได้ ปรุงรสด้วยมะนาว น้ำปลา น้ำตาล ชิมรสตามชอบ
2. รับประทานกับกระเจ๊ยบลวก เผา หรือย่างก็ได้ การแนมผักนิยมใช้ปลาทูนึ่งทอดปลาช่อนทอดหรือปลาดุกย่างก็ได้



ลองทำกันดูนะคะ แล้วนำรูปมาแบ่งปันให้ดูกันบ้างค่ะ

 


 

 

guest

Post : 2012-11-01 15:05:29.0     Forum: บทความถูกใจ  >  อาหารบำรุงกระเพาะอาหาร อาหารที่ดีต่อการย่อย

กระเพาะอาหาร ถือได้ว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญมากๆ สำหรับคนเรา เพราะเป็นอวัยวะ ที่ทำหน้าที่สำคัญในการ ย่อยอาหาร ให้กับร่างกาย คนที่กระเพาะไม่แข็งแรงหรือมีความผิดปกติที่กระเพาะจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอและเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดโรคต่างๆ มากมาย ซึ่งวิธีรักษาสุขภาพของกระเพาะอาหารนั้น สามารถเริ่มต้นที่การการรับประทานอาหารเช่นกัน ซึ่งอาหารที่เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับป้องกันโรคกระเพาะมีดังต่อไปนี้

 

คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน แหล่งอุดมของเส้นใย คือคาร์โบไฮเดรตที่เกิดขึ้นเองจากการสะสมตามธรรมชาติ โดยผ่านกระบวนการแปรรูปน้อยที่สุดหรือไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปใดเลย คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน หรือคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ผ่านการแปรรูปนี้ จะอุดมไปด้วยเส้นใย ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อระบบย่อยอาหาร เพราะอาหารที่มีเส้นใยสูงใช้เวลาในการย่อยในกระเพาะอาหารน้อยมาก (หากปรุงให้สุกและกินให้พอดี ถั่วและพืชชนิดต่างๆ จะใช้เวลาในการย่อยประมาณ 80-90 นาทีเท่านั้น) เมื่อเทียบกับอาหารประเภทอื่นๆ

 

ยิ่งกินอาหารที่เป็นกากใยในแต่ละวันมากขึ้น อาหารก็จะถูกย่อยเร็วมากขึ้นเท่านั้น เพราะเส้นใยที่รับประทานเข้าไปจะช่วยดูดซับน้ำเอาไว้ และกระตุ้นให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยในการดูดซึมของผนังกระเพาะอาหาร รักษาแผลในกระเพาะอาหารให้หายเร็วขึ้น ช่วยเพิ่มกากใยในกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่จึงทำให้การขับถ่ายดีขึ้น และนอกจากนั้นการรับประทานอาหารที่มีเส้นใยมากยังทำให้เรารู้สึกอิ่มนาน ไม่หิวบ่อยและไม่ต้องกินจุบจิบตลอดเวลาซึ่งทำให้กระเพาะอาหารได้พักการทำงาน


คารโบไฮเดรตเชิงซ้อน พบในข้าวกล้องทุกชนิด ข้าวสาลีแบบโฮลวีทหรือข้าวสาลีไม่ขัดขาว ข้าวไรย์ ข้าวโพด ข้าวบาร์เล ข้าวเจ้า ถั่วฝักอ่อน ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เมล็ดพืชชนิดต่างๆ เช่น ทานตะวัน เมล็ดฟักทอง งา และผักใบเขียว ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถกินเป็นอาหารหลักได้ และช่วยบำรุงกระเพาะอาหารของเราไปในคราวเดียวกัน ไขมันไม่อิ่มตัวเพิ่มประสิทธิภาพกระเพาะอาหารค่ะ

 

guest

Post : 2012-10-28 19:01:39.0     Forum: บทความถูกใจ  >  เคล็ด 6 ข้อ หากยุ่งจนต้องทานอาหารที่โต๊ะทำงาน

 

ทุกวันนี้หนุ่มๆและสาวๆ หลายๆคนทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาเดินไปทานอาหารกลางวันที่อื่น จำใจใช้โต๊ะทำงานเป็นสถานที่รับประทานอาหาร จริงๆแล้วมีข้อควรระวังที่เรานำมาฝากค่ะ

 

ทำไมทานอาหารบนโต๊ะทำงานจึงไม่ดี?

 

การทานอาหารที่โต๊ะทำงานบ่อยๆ จะนำไปสู่ โภชนาการที่ไม่ดีพอและรวมถึงสุขภาพอนามัยในการทานอีกด้วย เพราะโต๊ะทำงานของพวกเรานั้นไม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เป็นที่ทานข้าว ข้อเสียสำคัญของการทานอาหารที่โต๊ะทำงานคือ เราไม่ได้มีสมาธิกับอาหาร ไม่ได้ลุกขึ้นไปเดิน โต๊ะทำงานนั้นจะกลายเป็นบ้านของเชื้อโรค

 

ได้มีการประเมินว่าโต๊ะทำงานน่าจะมีแบคทีเรียมากกว่าโถส้วมถึง 400 เท่า (โอ้โห) ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้กระจุกตัวกันมากที่สุดที่โทรศัพท์ ผิวหน้าโต๊ะ เมาส์ และคอมพิวเตอร์ตามลำดับ ซึ่งของเหล่านี้เป็นของที่สัมผัสเราโดยตรงที่สุด ไม่เชื่อให้ลองพลิกคีย์บอร์ดมาเคาะ แล้วดูเศษอาหาร เศษผงที่หล่นลงมา ยิ่งมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแสดงว่าโต๊ะทำงานสกปรกมากเท่านั้น

 

...แล้วจะทำอย่างไรดี...

 

เราอาจจะบอกให้คุณทานข้าวที่อื่น แต่คุณอาจจะทำไม่ได้จริง ๆ เราจึงมีเคล็ดลับทานข้าวบนโต๊ะทำงานมาฝาก

 

1. ใส่ใจสิ่งที่ทาน

 

คุณควรจะสนใจกับสิ่งที่คุณเอาเข้าปากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณทานบนโต๊ะทำงาน และระวังไม่ให้ทานน้อยเทานไปหรือมากเทานไป ถ้าคุณมัวแต่สนใจอยู่กับอีเมล์ อาจทำให้คุณกะปริมาณอาหารในมื้อกลางวันได้ไม่พอดี

 

2. เดินเมื่อมีโอกาส

 

หากคุณจำเป็นต้องทานอาหารที่โต๊ะทำงาน อย่างน้อยก็ควรจะหาทางเคลื่อนไหวตัวเองมากขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้ขยับกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะระบบทางเดินอาหาร เช่นกระเพาะอาหาร ลำไส้ต่างๆ การเคลื่อนไหวทำได้ง่ายๆ ตัวอย่างเช่น เดินไปแปรงฟันหลังมื้อกลางวัน เดินไปกดน้ำที่คูลเลอร์ เดินไปถ่ายเอกสารเอง อะไรก็ได้ที่ทำให้คุณได้ขยับกล้ามเนื้อ เพราะมนุษย์เราถูกออกแบบให้การเดินการนั่งการนอนในท่าเดิมๆ นานๆ ไม่ใช่เรื่องดี ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรออกกำลังกายในตอนเย็นเพื่อชดเชยวิถีชีวิตหยุดนิ่งของคุณ

 

 

3. ฆ่าเชื้อบนโต๊ะทำงาน

 

เช็ดบริเวณโต๊ะทำงานด้วยผ้าชุบน้ำยาฆ่าเชื้อวันละครั้ง ก็เพียงพอต่อการทำความสะอาด กระดาษทิชชูไม่เวิร์ก เพราะจะทำให้เชื้อ โรคว่อนกระจายไปทั่ว อย่าลืมเช็ดโทรศัพท์ คีย์บอร์ด และเมาส์ และพยายามไม่จับสิ่งเหล่านี้ในขณะทาน มิเช่นนั้นก็จะเป็นการทำให้ อาหารของคุณปนเปื้อนครั้งแล้วครั้งเล่า นอกจากนี้ การติดเจลแอลกอฮอล์ไว้ล้างมือก็เป็นความคิดที่ดี แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการลุกขึ้นไปล้างมือกับน้ำสะอาด



4. ทานข้าวกับเพื่อน พูดคุยกันบ้าง

 

หากหลีกเลี่ยงการทานข้าวที่โต๊ะทำงานไม่ได้จริงๆ ให้หาเพื่อนนั่งทานด้วย การได้พักและพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน มีความสำคัญต่อ ประสิทธิภาพ และความคิดสร้างสรรค์

 

5. อย่าทำให้กลายเป็นนิสัย

 

อาหารกลางวันในอุดมคติต้องไม่เพียงแต่ดีต่อสุขภาพกายเท่านั้น แต่ควรจะเปิดโอกาสให้ได้คุยกับคนอื่นผ่อนคลาย หรือทำกิจกรรมช่วงกลางวันอย่างอื่นเพื่อผลดีต่อสุขภาพใจด้วยนะคะ


 

 

6. อย่าอดอาหารกลางวันแม้ยุ่งสักแค่ไหน

 

 

การจะมีกำลังสมองดี คิดวิเคราะห์ได้คล่องแคล่ว เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ก่อความรู้สึกเบิกบานสดชื่น ท่ามกลางความรีบเร่งและความกดดันในการทำงาน การทานอาหารที่มีประโยชน์ โภชนาการสมบูรณ์ครบทุกมื้อตามความต้องการของร่างกายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถึงแม้จะยุ่งสักเพียงไหน ขอให้คุณได้รับประทานอาหารกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่จัดเตรียมมาเอง อาหารกล่อง หรือฝากเพื่อนซื้อก็ตาม เพื่อให้คุณมีพลังในการทำงานและกิจกรรมต่างๆ ในช่วงบ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ สมองแจ่มใส อารมณ์ไม่หงุดหงิด และมีสมาธิดีค่ะ

 

 

 

 

 

guest

Post : 2012-10-26 20:38:44.0     Forum: บทความถูกใจ  >  หัวใจสำคัญของการมีผิวสวย

 

รู้หรือไม่ ในร่างกายเราประกอบด้วยน้ำถึง 65% โดยเฉพาะในสมองประกอบด้วยน้ำมากกว่า 80% แม้กระทั่งในกระดูกซึ่งน่าจะมีน้ำเป็นองค์ประกอบน้อย กลับมีมากถึง 25% และโดยทั่วไปจำนวนน้ำในร่างกายเรา 1 ใน 3 เป็นน้ำที่อยู่ในผิว การรักษาความชุ่มชื้นภายในเซลล์ผิวและการส่งผ่านน้ำภายในเซลล์ผิวเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง

 

 

ผิวหนังของคนเราชั้นบนสุดคือผิวหนังที่ตายแล้ว (หรือเราถูออกมาแล้วเรียกขี้ไคลค่ะ) ชั้นล่างลงไปคือเซลล์ปกติมีลักษณะยาวรีเรียงต่อกันเป็นตาข่าย แต่ละเซลล์จะมีน้ำไปหล่อเลี้ยง ซึ่งถ้าได้รับน้ำเพียงพอเซลล์จะกลมๆ ป่องๆ เมื่อแสงตกกระทบจะดูมีน้ำมีนวล แต่ถ้าขาดน้ำเซลล์จะเล็กฟีบ ดูเหี่ยวแห้ง ขาดชีวิตชีวา รอบๆ เซลล์ก็ต้องมีน้ำหล่อลื่น และในชั้นคอลลาเจนก็ต้องการน้ำเพื่อความตึงตัวเช่นกัน 



บ้านเราอากาศร้อน ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่าย ดังนั้นใครต้องการมีผิวพรรณเปล่งปลั่งจึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ธรรมชาติกำหนดให้มีชั้นไขมันเคลือบผิวหนังของเราไว้ เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ ยิ่งคุณดื่มน้ำน้อยก็ยิ่งต้องรักษาสภาพของชั้นไขมันนี้ไว้ คนผิวมันจึงเป็นคนมีบุญ แต่มักเข้าใจผิดคิดว่าเนื้อตัวสกปรก ใช้สบู่ฟอกกำจัดชั้นมันของผิวหนังออกหมด จนกลายเป็นคนผิวมันที่ขาดความชุ่มชื้นไป



ส่วนคนผิวแห้ง คือ คนที่ร่างกายสร้างชั้นไขมันไม่พอ จึงควรใช้น้ำมันจากภายนอกทาปกป้องไว้เสมอ ไม่เช่นนั้นร่างกายจะฟ้องโดยเริ่มจากปากแห้ง ผิวแห้ง โดยเฉพาะตามแขน ขา หน้าแข้งซึ่งมีไขมันใต้ผิวหนังหล่อเลี้ยงน้อย คนที่ไม่ชอบดื่มน้ำจึงดูไม่สดใส หมองคล้ำ

 

สำหรับครีมบำรุงผิวที่มีมากมายหลายยี่ห้อนั้นต่างก็มีพื้นฐานเดียวกันคือ มีคุณสมบัติป้องกันการสูญเสียน้ำ เพราะน้ำคือตัวทำ ให้ผิวสวย คนที่ผิวแพ้ง่าย ระคายเคือง เดี๋ยวคันเดี๋ยวแดง พวกนี้ผิวสูญเสียน้ำเยอะ ต้องรีบฟื้นฟู

 


 

อย่าปล่อยให้ผิวแห้งจนนำไปสู่ปัญหาผิวอื่นๆ เช่น ผิวบอบบางแพ้ง่าย ริ้วรอยจากผิวขาดน้ำ ผิวหมองคล้ำ หรือรูขุมขนกว้าง ดังนั้้น เราควรพยายาม ดื่มน้ำสะอาด น้ำบริสุทธิ์ให้มากอยู่เสมอ (ยกเว้นคนเป็นโรคไตหรือโรคที่แพทย์สั่งให้ควบคุมการดื่มน้ำ) เพราะการรับน้ำเข้าสู่ร่างกายโดยตรงมีวิธีเดียวเท่านั้นและได้ผลดีที่สุดค่ะ


 

 

 



 

guest

Post : 2012-10-26 19:06:58.0     Forum: บทความถูกใจ  >  โรคมะเร็ง ภัยจากการใช้โฟมบรรจุอาหารร้อน

 

ทุกวันนี้เรามีภาชนะบรรจุอาหารที่ใช้กันหลายรูปแบบ ซึ่งบรรจุภัณฑ์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานและประเภทอาหาร เพราะการใช้บรรุภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมหรือผิดประเภทจะนำอันตรายอันเนื่องมาจากสารพิษมาสู่เราได้ และหากสะสมในร่างกายนานๆอาจก่อให้เกิดโรคร้าย เช่น โรคมะเร็งอีกด้วยนะคะ


 

 

 

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ออกมาเตือนการใช้โฟมบรรจุอาหารร้อน โดยเฉพาะอาหารทอดด้วยน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้ภาชนะหลอมละลายจนอาจเกิดสารก่อมะเร็ง 'สไตรีน' ปนเปื้อนอาหารที่บรรจุอยู่ได้ โดยปริมาณการละลายของสไตรีนจะมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 อย่าง คือ ไขมันในอาหาร ระยะเวลา และ อุณหภูมิระหว่างการสัมผัสของอาหารกับภาชนะ ซึ่งอาหารที่มีไขมันสูงจะทำให้มีการละลายของสไตรีนออกมามากกว่าอาหารที่ไม่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ

 

 

เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว มื้อต่อไปเราหันมาใส่ใจกับภาชนะบรรจุอาหารมากกว่าเดิมกันอีกนิดนะคะ โดยเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบตามความต้องการการใช้งาน เช่น เพื่อบรรจุอาหารร้อน เพื่อการอุ่นอาหารด้วยเตาไมโครเวฟโดยเฉพาะ (เช่นกล่อง PP) ทั้งนี้เพื่อป้องกันการละลายออกมาของสารก่อโรคมะเร็งสะสมและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราและครอบครัวที่เรารักนะคะ

 

 

 

 

 



 

guest
Mee
- Guest -

Post : 2012-10-25 14:55:57.0     Forum: สอบถาม  >  thanks

 thanks for service

처음 이전 1 | 2 | 3

ยินดีให้คำปรึกษาเรื่องการจัดบุฟเฟ่ต์นอกสถานที่ จัดโต๊ะจีน จัดคอฟฟี่เบรคนอกสถานที่ อาหารค็อกเทลนอกสถานที่ อาหารกล่อง และอาหารว่าง โดยผู้บริหารงานด้านอาหารมืออาชีพ

ขอขอบคุณที่ให้ความสนใจค่ะ